32 ชั่วโมงบนรถบัส, ภาษาอื่นและความท้าทายอื่น
เช้าวันถัดมาผมตื่นแต่เช้า – มีอะไรที่ต้องทำอีกมากมายก่อนจะเดินทางต่อ ไม่ใช่แพ็คกระเป๋าแต่คือการทำรายการให้ครบมีของชิ้นสำคัญที่ต้องซื้ิอ ในวันก่อนที่ไปร้านหนังสือและดนตรี ผมได้เห็นคอลเลคชั่นเพลงที่กำกับโดยวาทยากรชาวฮังกาเรียนเซอร์จอร์จ ซอลติ(Sir Georg Solti) ผมส่งรูปของบ็อกซ์เซ็ตนี้ไปให้เพื่อนที่กรุงเทพฯ ดูผู้ซึ่งส่งเมสเสจกลับมาทันที ‘คว้ามันมาเลยนะ’ เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะมันเป็นชุดสะสมที่มีคุณค่ามาก อย่าคิดกังขาผู้ที่สามารถบอกชื่อวาทยากรวงออเคสตร้า ปีที่แสดง และชื่อชิ้นงานหลังจากเพียง 15 วินาทีที่ได้ยินท่อนเพลงคลาสสิค – ผมกลับไปที่ร้าน ใจเต้นระส่ำ หวังว่าจะไม่มีใครไวกว่าผม และผมก็หายใจและถอนใจเฮือกเมื่อผมเห็นกล่องนั้นยังวางอยู่บนหิ้งชั้นที่สาม คว้าหนีบอยู่ในมือรักษายิ่งชีวิต ถือไปยังแคชเชียร์และไม่พลาดสายตาจากมันจนมันอยู่ในกระเป๋าเป้ของผม กับสารพันการวิ่งไปโน่นมานี่มันใกล้เวลาที่รถไปยังจุดหมายปลายทางถัดไปของผมออกจากท่ามาก ผมต้องเรียกแท็กซี่แทนที่จะขึ้นรถไฟใต้ดินกลับไปยังสถานีรถที่ผมมาถึงเมื่อสองสามวันก่อน
เที่ยงคืนที่ชายแดน
มันเป็นการเดินทางที่ยาวนานที่สุดในการท่องเที่ยวครั้งนี้ – แน่นอนว่ามีเส้นทางยาวยิ่งกว่าทริปนี้ที่แคนาดาและอเมริกา แต่ทริปเหล่านั้นผมไม่สามารถจ่ายได้และผมอาจต้องจำนองบ้านเพื่อจะได้เงินมากพอที่จะเดินทางด้วยรถทัวร์กับเวลาเทียบเท่า 32 ชั่วโมงที่จะนำผมจากบัวโนสไอเรสในอาร์เจนตินาไปยังคูริติบา (Curitiba) ในบราซิล – จำได้ไหมที่ผมพูดถึงตารางรถและต้องทบเวลาเข้าไปอีกจากเวลาทางการ ผมนึกว่าการเดินทางจะผ่าอูรุกวัย จะทำให้ระยะทางสั้นลง แต่มันไม่ใช่เลย พวกเราเดินทางขึ้นเหนือ – ตะวันตก รอบชายแดนทางตะวันตกของอูรุกวัย และถึงชายแดนบราซิลราวเวลาเที่ยงคืน กว่าสิบสองขั่วโมงของการเดินทางเข้าไปแล้ว และนี่ก็ยังไม่ถึงครึ่งกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางสุดท้าย และผมกำลังจะถูกเตือนใจถึงความแตกต่างโดยสิ้นเชิงระหว่างภาษาสเปน (ที่ผมได้เรียนมามากพอหกสัปดาห์จนรู้สึกคุ้นกับมัน) และภาษาโปรตุเกส เมื่อใดก็ตามที่ผมพยายามพูดให้สมเหตุสมผล ผมไม่สามารถจะคิดคำให้ถูกต้องได้และเปล่งออกมามั่วไปหมดทั้งไทย ดัชท์ เยอรมัน สเปน อังกฤษ ฝรั่งเศส และอะไรก็ตามที่สมองผมจะซึมซับได้ระหว่างนั้น ผมยืนอยู่ด้านนอกบูธตรวจคนเข้าเมืองชั่วขณะ รอจนกระทั่งผู้โดยสารคนอื่นบนรถคันเดียวกับผมได้ประทับตราหนังสือเดินทางและสามารถเข้าสู่บราซิลได้อย่างเป็นทางการ ผมได้ยินบทสนทนาแต่ไม่สามารถเข้าใจอะไรทั้งสิ้น พวกเรากลับถึงรถตอนเวลาตีหนึ่ง คราวนี้มุ่งหน้าไปยัง Porto Alegre บนชายฝั่งซึ่งผมจะต้องเปลี่ยนรถเพื่อเดินทางต่อไปยัง Curitiba โดยผ่าน Florianopolis 24 ชั่วโมงผ่านไปสติแทบไม่เหลือ และยังทำได้ดีตอนต่อรถ เมื่อถึง 30 ชั่วโมงผมสุขใจยิ่งนักที่ไม่ต้องเปลี่ยนรถอีก เพียงแค่หาห้องสุขาและน้ำดื่มสักขวด และเมื่อถึงเวลาสิ้นสุดการเดินทาง ผมใช้เวลาคร่าวๆ ถึง 34 ชั่วโมงบนรถทัวร์ และขยับร่างสลับเปลี่ยนท่านั่งแทบจะเป็นพันๆ ท่าเพื่อให้สบายที่สุด – ผมดีใจสุดขีดที่ได้เจอพื้นที่ว่างบนเบาะหลังของแท็กซี่ที่ขับพาผมไปยังบ้านเพื่อนในที่สุด มาถึงในจังหวะที่เหมาะเจาะที่สุด ตอนที่กำลังเตรียมมื้อค่ำ และบรรยากาศที่รื่นรมย์ เจอหน้าเพื่อนและบทสนทนา จบสมบูรณ์ด้วยไวน์ดีๆ สักแก้วซึ่งทำให้ผมความทุกข์ทนจากการเดินทางกว่าวันครึ่งไปได้ เพียง 30 นาทีหลังจากนั้นผมก็ต้องขอตัวไปชำระล้างร่างกายและล้มตัวนอน ผมแทบจะเดินไม่ไหว (และไม่ใช่เพราะไวน์) และในเวลาเพียงไม่นานก็จมดิ่งสู่นิทราหลักลึกไปสิบชั่วโมง
ตลาดนัดสุดสัปดาห์และ Jazz Night
กับที่บัวโนสไอเรส ผมเคยมาบราซิลมาก่อนในสองช่วงโอกาสที่ต่างกัน และสองครั้งนั้นเคยได้ไปเที่ยวสถานที่ทีองเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุดในทวีป น้ำตก Iguassu Falls และผมตั้งใจจะข้ามที่นี้ในรอบนี้ ทริปครั้งแรกในช่วงปี 90 หลังจากสิ้นสุดทริปในบัวโนสไอเรส ผมได้ท่องเที่ยวทริป 5 วันเยี่ยมครอบครัวในบราซิลและท่องไปในแถบนั้น ในครั้งที่สองร่าวสิบปีถัดมา ผมใช้เวลาส่วนหนึ่งในอิกัสซู เยี่ยมชมโรงงานพลังงานไฟฟ้าจากน้ำ น้ำตก สวนนก ก่อนเดินทางต่อไปยังเซาเปาโล รีโอ และบาเฮีย ในครั้งล่าสุดนี้ผมแค่อยากจะท่องคูริติบา เดินทางเที่ยวโดยรถไฟไปมอร์เรทเต้ (Morretes) เมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านอาหาร Barreado แบบพื้นเมือง สวนสาธารณะท้องถิ่น และที่เที่ยวบางแห่ง วันถัดมาเริ่มต้นอย่างดีเยี่ยม กับแสงแดดและกาแฟดีๆ สักถ้วย และมีโอกาสที่จะท่องศูนย์กลางเมืองเก่า ที่มีตลาดนัดวันอาทิตย์แบบจัดเต็ม พวกเราสำรวจหลายเต็นท์ แวะตามตรอกซอกซอยเล็กซอกซอยน้อย ทัศนาเหล่างานศิลปะ และสนุกสนานไปกับอาหารมื้อกลางวันระหว่างทาง ช่วงค่ำได้มาชมคอนเสิร์ตแจ๊ซ จบวันอย่างสมบูรณ์แบบจนถึงวันดีและช่วงอาทิตย์ที่เยี่ยมยอด ที่ตามมาก็คือการผจญภัยเพิ่มขึ้น แต่แค่ค่ำคืนนั้นผมขอดื่มด่ำกับเสียงดนตรีท่ามกลางกลุ่มเพื่อนที่วิเศษ