คุณพักที่นั่นไม่ได้
ถึงเวลาที่จะต้องกล่าวอำลาเพื่อนๆในคูริติบา และเดินทางต่อไปยังรีโอเดจาเนโร (Rio de Janeiro) มันเป็นช่วงเช้าตรู่และผมจองแท็กซี่ไปส่งที่สนามบิน ผมได้พยายามจองที่พักล่วงหน้าในรีโอแล้วและตอนจองสำเร็จแล้วก็ได้ส่งข้อมูลต่อให้เพื่อนในรีโอ เพียงไม่กี่นาทีที่ส่งข้อมูลไปผมก็ได้รับคำตอบว่า
“คุณพักที่นั่นไม่ได้ เปลี่ยนโรงแรมซะ”
“จะเปลี่ยนเพื่อ?” นั่นคือคำตอบของผม “มันใกล้โคปาคาบานา ฟลาเมงโก (Copacabana, Flamengo) แถบนั้นมีอะไรผิดรึ”
สิบวินาทีถัดมาสัญญาณเด้ง
“คุณพักที่นั่นไม่ได้!”
“ทำไมหล่ะ บอกเหตุผลผมหน่อย”
“อือ”
คำเดียวสั้นๆ และผมรอ สิบวินาทีหลังจากนั้น
“โรงแรมที่คุณจองตั้งอยู่บนถนนที่อันตราย และเพียง 40 เมตรห่างจากจุดที่มีการยิงปะทะกันระหว่างตำรวจและพ่อค้ายาเมื่อไม่กี่วันก่อน และมีคนตายสี่คน เหตุผลพอรึยัง?”
แน่นอน เป็นเหตุผลอันสมควรยิ่งที่ผมจะยกเลิกการจองนั้นและหาที่พักที่อื่นที่ชิลล์กว่าและลุ้นระทึกน้อยกว่านั้น ผมค้นหาสักพักและได้เพิ่มมาอีกสองสามที่ซึ่งแต่ละที่ผมได้ส่งไปถามความเห็นเพื่อน และเห็นด้วยในที่สุดกับหนึ่งในที่พักที่ผมเลือก มันตั้งอยู่บนแหล่งที่สะดวกใกล้หาดฟลาเมงโกและอพาร์ทเม้นท์เพื่อนของผมแค่ระยะที่เดินถึงได้ มีร้านอาหารหลากหลายอยู่ใกล้ๆ และซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ดีอีกแห่งซึ่งผมตั้งใจจะไปดูเพราะผมพบว่าบราซิลค่อนข้างแพง – อาหารที่ร้านแบบคิดราคาตามน้ำหนักราคาสูงถึงสามสิบเหรียญและผมไม่คิดว่าจะอิ่มด้วยซ้ำ (แถมไม่รวมเครื่องดื่ม)
ความปลอดภัยของชุมชนที่มีรั้วรอบ
ผมบินจากคูริติบาไปรีโอโดยหยุดที่เซาเปาโล มันเป็นการบินที่ถูกและแทบจะแพงกว่าการเดินทางด้วยรถทัวร์เพียงนิดหน่อย และบอกตามตรงผมเอียนกับการเดินทางด้วยรถทัวร์อย่างที่สุดแล้ว – สองชั่วโมงพอไหว แต่จะมายี่สิบชั่วโมงอีกนี่ไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแน่ มาถึงสนามบินไม่ยากนักที่จะหาสถานีรถประจำทาง และจากที่นั่นใช้เวลาไม่นานหนัดก็มาถึงที่พัก ผมมาถึงทางเข้าตึกและสังเกตเห็นรั้วล้อมตึกโดยรอบ ตึกนี้ก็ไม่เว้น และมีป้อมยามด้านในรั้ว ผมยืนรออยู่สักครู่ พยายามมองว่าจะเข้าไปได้อย่างไร จนกระทั่งใครสักคนเปิดประตูให้ผมและกวักมือเรียกให้เข้าไป ผมยังไม่สามารถเดินต่อไปไกลจากนั้นได้ เพราะผมไม่รู้ว่าห้องพักอยู่ชั้นไหน แต่อย่างน้อยผมก็พ้นจากถนนและมายืนอยู่ในเขตที่พักแล้ว ผมสังเกตการเข้าออกของผู้คนที่พักอยู่ที่นี่ได้สักพัก และในที่สุดก็สามารถจะจัดการติดต่อเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ได้ ใครสักคนจะลงมาในไม่กี่นาทีเพื่อพบผมและพาขึ้นไป ดีเป็นอย่างยิ่งเพราะผมจำเป็นต้องอาบน้ำ และทำตัวให้คุ้นเคยสักหน่อยก่อนจะออกไปไปท่องเมืองและทำอย่างอื่น
ผมใส่ใจกับการเตือนของเพื่อนและเดินอยู่แค่แถวชายหาดใกล้อพาร์ทเม้นท์ และเดินเล่นรอบๆแถบนั้นเกือบชั่วโมงก่อนกลับมาอาบน้ำเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับมื้อค่ำและงาน – การเปิดตัวของงานดีไซน์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ผมจัดการหาจุดลงรถไฟใต้ดินได้ถูกและหารถคันที่จะไปยังสถานที่จัดงานได้ ตลอดทางผมได้สังเกตวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนที่นี่ และตึกอพาร์ทเม้นท์ตามเส้นทาง และทุกแห่งแต่ละตึกถูกล้อมด้วยรั้ว และมีป้อมยามตั้งอยู่ด้านใน และผมได้ตระหนักว่ามันทำให้รู้สึกแปลกไปเมื่อเดินไปตามถนน ผู้คนเดินมาที่ทางเข้า มองไปรอบตัวซ้ายขวาและด้านหลัง และเปิดประตูอย่างระวัง หรือไม่ก็ยืนหันหลังประชิดประตูรั้ว สายตามองถนนในขณะที่ยามในป้อมเปิดประตูให้ และเมื่ออยู่ด้านในใครก็ตามที่ได้ผ่านเข้าไปจะเช็คให้มั่นใจว่าประตูรั้วปิดล็อคสนิทก่อนจะเดินเข้าห้องพัก เช่นเดียวกันเมื่อพวกเขาออกมา มองรอบตัวอย่างระวังก่อนเปิดประตูและออกมาจากตึก และอีกครั้งที่หยุดดึงประตูรั้วให้ปิดสนิทมั่นใจว่าล็อคก่อนจะเดินออกมา
ชีวิตภายในรั้วรักษาความปลอดภัย
ผมอาจจะวิเคราะห์เกินไป หรือไม่มันก็อาจจะเป็นแค่แถบนั้น แต่มันก็สังเกตได้อย่างชัดเจนและบางตึกยังมีประตูรั้วถึงสองชั้น หรือกล่องนิรภัยสำหรับทางเข้าที่จอดรถ เมื่อรถเคลื่อนออกจากรั้วชั้นแรก หยุดรอให้ประตูรั้วปิดก่อนที่ประตูรั้วอีกชั้นหนึ่งจะเปิดและอนุญาตให้รถออกไปได้ ดังนั้น นอกจากช่วงเวลาที่ดี ณ งานเปิดตัวเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ในค่ำคืนนั้นที่ทุกคนดูแพงไม่ต่ำกว่าล้านเหรียญ (ยกเว้นผม) ผมได้ตระหนักว่าเบื้องหลังรอยยิ้มและเสียงหัวเราะนั้น ฉาบไว้ด้วยความกังวลและหวาดระแวงในความปลอดภัย และเมื่อผู้คนออกจากงานสังสรรค์นั่น ความกังวลที่ใหญ่สุดคือการเดินทางกลับถึงบ้านโดยไม่เกิดอะไรขึ้น ผมคงจะถามคำถามเดิมกับตัวเองอีกหลายครั้งในอีกสองสามวันข้างหน้าและแน่นอนว่าจะได้รับคำตอบเดิม รีโอเดจาเนโรสวยงามอย่างที่เป็น กับชายหาดที่โลกต้องอิจฉา และชีวิตระทึกทุกวันและเวลา นั่นไม่จำเป็นจะต้องใช่สถานที่ซึ่งผมจะสมัครใจอาศัยอยู่นานเป็นแน่แท้ ชีวิตสั้นนักที่จะคอยมาพะวักพะวงใจกับความปลอดภัยของตัวเองตลอดเวลา