ไปไหน?
ในบรรดาคำถามทั้งหมด นี่ต้องเป็นคำถามที่ตอบง่ายที่สุดและที่ล่วงล้ำที่สุด “คุณกำลังจะไปไหนน่ะ?” และความสนใจของผู้ถามเอง ในคำตอบนั้น ขึ้นอยู่กับระดับของน้ำเสียงที่ถามไปงั้น ไร้ความสนใจที่จะอยากรู้ จนถึงการคาดคั้นที่ต้องการให้ตอบ ‘คุณควรจะให้คำตอบที่ถูกแก่ฉันหรือไม่งั้นเจอดีแน่’ ผมได้เรียนรู้ความแตกต่างในระดับความเข้มข้นของน้ำเสียงนั้นในที่สุด แต่ระดับแรกที่ได้เจอนั้นเกิดขึ้นอย่างเร็วภายในอาทิตย์แรกหลังจากที่ผมอยู่ในเมืองไทย ผมได้ไปฝึกเรียนภาษาไทยตลอดสี่อาทิตย์ในสถานที่สวยงามแห่งหนึ่งในเมืองไทย เหมือนเป็นโบนัสแรกหลังจากออกจากแคนาดา สี่อาทิตย์ในเมืองชายทะเลที่เคยสวยงามราวหาดสวรรค์ที่ชื่อหัวหิน ผมใช้คำว่าเคยเพราะเมืองเล็กๆที่แสนจะสวยงามแห่งนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วงสามสิบปีให้หลังจนแทบที่จะจำภาพเก่าๆไม่ได้ และการเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่ไปในทิศทางที่แย่ลง ที่โชคร้ายกว่านั้นการพัฒนาของอีกหลายเมืองที่แทบจะไร้การวางแผนที่เกิดขึ้นในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีตัวอย่างของสถานที่ที่ถูกทำลายเพราะนักธุรกิจไร้ยางอายอยู่ก็ตาม ถ้าการวางแผนมีความระมัดระวังสถานที่เหล่านั้นย่อมไม่ถูกทำลาย และสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นสำหรับการท่องเที่ยวก็สามารถใช้ได้ โดยไม่ทำลายทัศนียภาพที่สวยงามของเมือง ชายหาด หรือหมู่เกาะ แต่กลับยังสามารถให้บริการแก่นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่หลั่งไหลกันมา หลายเหตุผลที่เมืองเหล่านี้มีการพัฒนาอย่างปราศจากการควบคุมและรีบเร่งเกินไป บทเรียนที่ไม่เคยจดจำ
ชีวิตบนชายหาด แต่เรียนภาษา …
ร้อยคำหรือประมาณนั้น จะมีคำภาษาอังกฤษโผล่ขึ้นมาสักคำ ผมนั่งคิดอย่างงงงวยและเริ่มทบทวนการตัดสินใจของผม ว่าที่ผมขึ้นเครื่องและไปที่อีกฟากของโลกมันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่
ช่วงเวลาที่ได้อยู่ที่นี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในชีวิตของผม และใช่ ทั้งยังเป็นหนึ่งในความอึดอัดสับสนด้วย ใช่ หาดทรายสีขาว น้ำทะเลใสสะอาดและสวยงาม ถึงจะมีแมงกระพรุนให้เห็นอยู่บ้างก็ไม่เป็นไร และที่พักที่คุณฝันอยากจะไปตากอากาศ บังกะโลสองชั้น และระเบียงที่กว้างขวางบนชั้นสอง เปลญวน และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการพักผ่อนที่แสนสบายอย่างแท้จริง พื้นที่กว้างที่ชั้นล่างสำหรับบาร์บิคิว และสังสรรค์ (บังกะโลยังอยู่ที่นั่น และนานๆทีผมก็ได้แวะเวียนไปดู และแต่ละครั้งที่ไปเที่ยว ผมได้จำประสบการณ์ต่างๆของช่วงเวลาที่ผมไม่ได้คิดว่าชีวิตจะมีอะไรที่ดีกว่านี้ได้อีกแล้ว) แต่เมื่อวันแรกที่เริ่มเข้าเรียนภาษามาถึง ชีวิตก็พลิกอีกครั้ง เราอยู่ที่นี่ ในสถานที่ที่นึกว่าสวรรค์เมืองร้อน แต่พวกเราต้องเรียนรู้ภาษาที่ถือว่าเป็นหนึ่งในภาษาที่ยากที่สุดในโลก ชีวิตมันช่างไม่ยุติธรรมยิ่งนัก สองสามชั่วโมงแรกมีเพียงไม่กี่คำภาษาอังกฤษแทบนับนิ้วได้และ – เช่นเดียวกับการถูกโยนลงไปในสระว่ายน้ำ ปล่อยให้ตัวเองจมหรือกระเสือกกระสนจ้วงน้ำให้ลอยตัว พวกเราถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีครูสองคน ทุกร้อยคำหรือประมาณนั้น จะมีคำภาษาอังกฤษโผล่ขึ้นมาสักคำ ผมนั่งคิดอย่างงงงวยและเริ่มทบทวนการตัดสินใจของผม ว่าที่ผมขึ้นเครื่องและไปที่อีกฟากของโลกมันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่ คิดในใจว่าถ้าผมจะต้องเรียนภาษาแปลกประหลาดและช็อคกับความแตกต่างของวัฒนธรรม ผมน่าจะย้ายไปอยู่ควิเบกแทนประเทศไทยก็น่าจะได้เหมือนกัน กว่าจะหมดวันผ่านไปอย่างเชื่องช้า และมาถึงจุดที่ผมเพิ่งจะได้ยินประโยคภาษาอังกฤษอย่างเต็ม “ถ้าคุณอยากรับประทานอาหารค่ำ คุณต้องไปตลาดในหัวหินแล้วก็ซื้อจากที่นั่น” ผมยังมีความอาจหาญที่จะถามครูว่าพวกเขาจะพาพวกเราไปหรือไม่ เพราะถ้าพวกเขาไปเราจะได้ไม่ต้องพูดภาษาไทย แต่คำตอบที่ได้รับคือรอยยิ้มสรวลและการสั่นหน้าปฏิเสธอย่างช้าๆ ยังดีที่ว่าผมยังไม่ได้เรียนว่ายังมีความแตกต่างของรอยยิ้มอีกมากมาย
ไม่เอาแล้ว พอแล้ว!!!
อย่างไรก็ดี เรามาถึงตลาดจนได้ด้วยการโบกรถสองแถว ซึ่งก็คือรถกะบะแบบมีหลังคาโดยปรับกะบะส่วนท้ายเแบ่งเป็นที่นั่งสองฝั่งและมีหลังคาคลุมเพื่อกันแดดหรือฝน หลังจากอาทิตย์แรกผมที่สาบานว่าผมจะไม่กินข้าวมันไก่อีกเลยในชาตินี้ (ตรงๆตัว ข้าวกับไก่) เพียงเพราะผมชี้ไปที่ไก่ที่ถูกเชือดนำไปต้มน้ำมันเยิ้มและถูกเจาะคอแขวนห้อยต่องแต่งในตู้กระจกนั่น ทำให้ผมได้รับไก่หนึ่งหรือสองชิ้นตบลงบนข้าว และนั่นก็คือสิ่งที่ผมบริโภคไปตลอดอาทิตย์ถัดไป แต่ในที่สุดเมื่อจบอาทิตย์นั้นผมก็ช่ำชองกับการออกเสียงภาษาไทยคำว่าไก่ และเก่งถึงขนาดบอกปฏิเสธ ไม่! ผมไม่ต้องการไก่ ผมต้องการหมู!
หาคำตอบที่ถูกต้อง
หลังจากวันแรกทุกอย่างเริ่มเป็นกิจวัตร พอถึงห้าโมงเย็นพวกเรารวมตัวกันเพื่อเริ่มเดินออกไปที่ประตูและหวังว่าจะไม่ถูกถามอะไรที่ยากมากนัก แต่ระหว่างทางจากบังกะโลถึงประตู จะต้องมีเสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับถามว่า “ไปไหน?” ครั้งแรกที่ถูกถามนั้น พวกเรายืนทื่อเหมือนตาย และเริ่มถกเถียงกันว่าที่ได้ยินมานั้นมันหมายถึงอะไรกันแน่ ในที่สุดพวกเราก็สรุปว่าน่าจะหมายถึงจุดหมายปลายทางที่เราจะไป จากการที่ได้เรียนรู้ในวันแรกเกี่ยวกับตลาด พวกเราจึงคิดว่า “ตลาด” น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดและง่ายสุดที่จะตอบ สวยงาม เรียบง่าย สั้นๆ ครอบคลุมทุกอย่าง เพราะแถวนั้นเราสามารถที่จะหาทุกอย่างที่เราอยากได้ และทุกเย็นของเราก็กลายเป็นกิจวัตรประจำวันในการถาม-ตอบ ผมเจอคำถามหลายแนวกับการถามแบบนี้ ไม่เฉพาะในขณะที่ยังเรียนภาษาอยู่ แต่ในสถานการณ์ที่ใครสักคนจะไปไหน และถูกจู่โจมอย่างระทึกด้วยคำถามเพียงสองคำสั้นๆ ‘ไปไหน?!!!!!’ แต่ค่อยเก็บไว้เล่าคราวหน้า หลังจากการแนะนำด้วยคำถามนี้ พวกเราก็ได้เรียนรู้ที่จะตอบให้แตกต่าง “ไปชายหาด” “ไปเดินเล่น” “ไปนอน” แล้วก็เริ่มภาคภูมิใจกับความสามารถของพวกเราเอง จนมาเจอคำถาม “จะไปทำอะไร?” แล้วพวกเราก็เริ่มสุมหัวคิดว่าควรจะตอบอย่างไรให้ง่ายที่สุดเข้าไว้ ก่อนจะเปล่งเสียงอย่างมั่นใจตอบไปว่า “ไปกินข้าวครับ”