นินจา เจดีย์ที่สูงที่สุดของโลก และดวงชะตาของผม …
ผมขี่มอเตอร์ไซต์บ่อยมากเมื่อผมประจำการที่ราชบุรี แต่บ่อยครั้งอีกเช่นกัน ที่ผมไม่อยากจะไปข้องเกี่ยวกับความวุ่นวายที่ต้องพยายามหลบให้พ้นทางรถสิบล้อบรรทุกซุง หรือนินจาหมวกขาวที่อยู่บนถนน และยากที่จะหลบเลี่ยง การถูกหนึ่งในนั้นพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ที่ซุ่มอยู่เพื่อขอดูใบขับขี่ แล้วก็บอกคุณว่าการที่ขี่บนเลนขวาบนถนนทำให้เขาต้องออกใบสั่งซึ่งผมจะต้องไปจ่ายค่าปรับถึงสี่ร้อยบาทและนั่นมันคือสิบเปอร์เซ็นของเงินเดือนผมทีเดียว ดังนั้นผมไม่ควรที่จะได้ใบสั่งใดๆทั้งสิ้น สรุปสั้นๆ เพราะไม่งั้นบทสนทนานี้คงจะกินเวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง เป็นอันเข้าใจตรงกันว่าถ้าจ่ายค่าปรับซะตรงนั้นก็จะได้ไม่ต้องปวดหัว เพราะนินจาไม่ต้องกลับไปสถานีเพื่อลงบันทึกประจำวันซึ่งก็ต้องเสียเวลาอีกเป็นชั่วโมง ส่วนผมเองก็ไม่ต้องไปสถานีเพื่อกรอกเอกสารใดๆเพื่อจะได้ใบขับขี่คืนมา ดังนั้นเพื่อเลี่ยงความวุ่นวายเหล่านี้้ผมจึงกระโดดขึ้นรถประจำทางสีส้ม เสียค่าโดยสารสิบแปดบาทเพื่อนั่งไปยังจังหวัดที่ใกล้ที่สุดนั่นก็คือนครปฐม ผมชำนาญการกระโดดขึ้นรถและพวกคนขับก็รู้จักผมดีพอที่จะชะลอรถ ที่ระดับความเร็วยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงเพื่อให้ผมโหนตัวเกาะราวขึ้นรถทัน
เจดีย์โบราณที่สูงที่สุดในโลก
นครปฐมเป็นเมืองที่น่าสนใจ ตลาดเต็มไปด้วยสีสันและมีชีวิตชีวา และตั้งอยู่แค่ข้ามฝั่งจากพระปฐมเจดีย์ ถือเป็นพระสถูปเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ความสูง 120.5 เมตร พร้อมกับพระประวัติที่น่าสนใจยิ่ง พระเจดีย์ดั้งเดิมเชื่อกันว่าสร้างในราว 193 ก่อนคริสต์ศักราช ภายในพื้นที่ของวัดที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ 325 ก่อนศริสต์ศักราช เชื่อกันว่าพระเจดีย์นี้เป็นหนึ่งในพระเจดีย์ยุคโบราณของนครปฐมซึ่งเป็นวัฒธรรมสมัยทราวดีที่ยิ่งใหญ่ ตามตำนานกล่าวว่าพระเจดีย์ดั้งเดิมสร้างโดยกษัตริย์ซึ่งเป็นพระโอรส เพื่อเป็นการไถ่บาปที่กระทำปิตุฆาตต่อพระบิดา หลายร้อยปีต่อมา พระเจดีย์ในรูปแบบศิลปะสมัยขอมได้ถูกสร้างครอบทับพระเจดีย์องค์เดิมซึ่งถูกครอบทับด้วยพระเจดีย์ในปัจจุบันอีกครั้ง
ส่วนที่ดีของการขี่รถจากราชบุรีไปยังนครปฐมและต่อไปกรุงเทพฯคือการได้นั่งรถสามล้อจากจุดรับส่งผู้โดยสารของรถส้มไปยังสถานีรถทัวร์ปรับอากาศ ซึ่งมีระยะทางราวๆสองกิโลเมตร แล้วก็ขับพาคุณผ่านตลาดผักผลไม้และตรอกซอกซอย กลิ่นหอมที่ลอยมากระทบจมูกและสีสันเหล่านั้นช่างน่ามหัศจรรย์ และนั่นก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีกับการเยี่ยมชมเมืองขนาดเล็กในประเทศไทย ผมไม่ได้เดินทางแบบนั้นมากว่าสิบปีแล้ว แล้วผมก็ไม่คิดว่าจะกลับไปทำได้อีก เศรษฐกิจที่ปรับตัวพัฒนาได้เปลี่ยนโฉมหน้าเมืองนั้นไปหมดสิ้น แทบจะไม่หลงเหลือภาพและบรรยากาศเดิมๆของเมืองเก่าให้เห็นอีกแล้ว แม้ว่าพื้นที่บริเวณพระปฐมเจดีย์จะยังเป็นสถานที่ที่น่าไปเที่ยวชม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลามีการจัดงานเฉลิมฉลองใหญ่ๆ
การเดินทางด้วยรถทัวร์ปรับอากาศจากนครปฐมไปกรุงเทพฯค่อนข้างสะดวกสบาย ที่นั่งกว้างพอที่จะยัดตัวลงไป และความเร็วก็กำลังดีที่ประมาณ 90-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถึงแม้ว่าทริปล่าสุดจะทำให้ผมเหมือนได้ย้อนกลับไปเวเนซูเอลา ที่ผมต้องจบลงด้วยการนั่งที่พื้นตอนท้ายรถ เพียงแต่ครั้งนี้มันร้อนแทบไหม้ ระยะสี่สิบกิโลเมตรแรกใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นอีกสิบหกกิโลเมตร จากรอบนอกกรุงเทพฯไปจนถึงสถานีซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง มีลูกเล่นเล็กน้อยในการย่นระยะเวลาให้เร็วขึ้นซึ่งผมได้เรียนรู้หลังเดินทางสามสี่รอบ ผมสังเกตว่าผู้โดยสารจะลงจากรถประมาณหนึ่งกิโลเมตรก่อนรถจะเลี้ยวยูเทิร์นไปยังสถานี ผมไม่รู้ว่ามันเป็นจุดที่สะดวกที่จะขึ้นรถเข้าเมือง จนกระทั่งผมตัดสินใจ ที่จะรู้ให้ได้ว่าทำไมผู้โดยสารถึงลงจากรถที่จุดนั้น ชั่วโมงครึ่งหลังจากการเดินไปตามถนนมุ่งเข้าเมือง ผมจึงตระหนักว่า เส้นทางนั้นมุ่งไปยังสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาและเข้าสู่ย่านสามเสนที่ซึ่งผมต้องไป เมื่อครั้งหน้ามาถึง เมื่อรถหยุดผมก็กระโดดลงพร้อมกับผู้โดยสารคนอื่นๆ
ดวงชะตาในฝ่ามือ …
เท้าผมยังไม่ทันจะแตะพื้นเมื่อคนขับแท็กซี่ปราดเข้ามาจับแขนผมและบอกผมว่าเขาจะพาผมไปที่จุดหมายเพียงแค่หกสิบบาท มันย่อมมีการต่อรอง ผมคิด ผมไม่รู้ว่าเขาไม่ใช่คนขับแท็กซี่แบบจดทะเบียนถูกต้อง แต่เป็นรถแท็กซี่ป้ายดำที่ต้องการหารายได้เพิ่ม และเช่นกันที่ผมไม่รู้ว่า มีข่าวผู้โดยสารถูกจี้ปล้น แทงและอื่นๆอีกสารพัดโดยคนขับแท็กซี่ป้ายดำเถื่อนพวกนี้ แต่ถึงกระนั้น มันก็เป็นครั้งหนึ่งที่น่าสนใจที่สุด ในการโดยสารแท็กซี่ในประเทศนี้ ยกเว้นโอกาสที่จะสนทนาถกประเด็นการเมืองซึ่งกลายเเป็นประเด็นต้องห้ามที่จะถกกันในทุกวันนี้ ผมเปิดประตูเข้าไปนั่งเบาะหน้าแล้วการสนทนาก็เริ่มขึ้น
“คุณมาจากไหน”
โอเค เริ่มละ ยี่สิบคำถาม
“ราชบุรี”
“ไม่ใช่สิ คุณไม่ใช่คนไทย ผมหมายถึงคุณมาจากประเทศไหน”
“อ้อ แคนาดาครับ”
“โอ้ มันเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกาใช่มั้ย”
“เอ่อ ไม่ใช่ครับ”
“อ้าวเหรอ งั้นก็ยุโรปสิ”
“ไม่ครับไม่ใช่ มันอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ”
“เออ แต่คุณก็มีหิมะแล้วก็หนาวใช่มั้ย”
“ใช่ครับหิมะแล้วก็หนาว”
และบทสนทนาที่เหลือก็คือการเล่าที่ตั้งและสภาพภูมิศาสตร์ ก่อนที่จะชะงักแล้วเปลี่ยนหัวข้อ
“นี่ผมบอกได้เลยนะว่าโหงวเฮ้งคุณดีมาก”
“โอ้ ขอบคุณคับ” ‘นี่มันอารมณ์กันเนี่ย’ ผมเริ่มคิด
“ขอดูมือหน่อย”
“มือผม ทำไมรึครับ”
“ก็ผมจะดูอนาคตคุณให้ไง”
อืม ก็ดี นอกจากความสนุกแล้ว แทบจะไม่มีอะไรในประเทศไทย ที่ทำโดยปราศจากการอาศัยหมอดูและโชคชะตา
ผมยื่นมือขวาให้ในขณะที่เขากำลังเคลื่อนรถเข้าเมือง
“เนี่ย คุณจะรวยมากเลยนะตอนอายุสี่สิบ แต่ตอนนี้ก็พอมีแล้วนะ” พร้อมยิ้มหยั่งเชิงเพื่อรอดูทีท่า
“ผมเนี่ยอย่างจน ผมถึงต้องมาขับแท็กซี่แบบนี้ ทำงานหาเงินเพื่อส่งลูกเรียน แถมยังจะต้องดูและยายที่ป่วยอีก”
“อ้อ ครับ แต่ขับรถแท็กซี่แบบนี้คุณก็น่าจะหาเงินได้พอสินะครับ”
“โอ้ย ค่าใช้จ่ายผมบานตะไทเลยคุณ ไหนจะค่ายาของยาย ลูกๆก็ต้องซื้อเครื่องแบบนักเรียน หนำซ้ำเมียผมก็ทำงานไม่ได้ บาดเจ็บจากอุบัติเหตุน่ะ”
โอเค ตอนนี้ผมพอจะเดาเจตนาของเขาได้ละ
“ใกล้ถึงยังครับ”
“แต่คุณก็ท่าทางจะรวยเอาการ แล้วก็หาเงินได้มากด้วย”
“เอ่อ โอเค จอดส่งผมตรงนี้แล้วกันครับ ผมลืมไป ต้องทำอะไรบางอย่างแถวนี้”
“ไม่เป็นไรๆ รอได้”
“ไม่เป็นไรครับ น่าจะใช่เวลาหลายชั่วโมง คุณน่าจะไปหาผู้โดยสารคนอื่นดีกว่า เดี๋ยวจะหาเงินไม่พอใช้นะ ขอบคุณมากครับ”
ผมจ่ายทิปเพิ่มไปให้อีกสิบบาทกับการโดยสารแค่เพียงครึ่งทาง สองชั่วโมงถัดมาผมลากตัวเองมาจนถึงเกสต์เฮ้าส์ เดินมาตลอดทางที่เหลือ และพยายามคิดว่านี่ผมดูเหมือนฝรั่งตาน้ำข้าวหน้าโง่ที่เขาจะหลอกได้ง่ายๆเชียวรึ