ลาวรักษาวิถีชีวิตที่สงบสุข

visit to Laos in december 2016

แวะเที่ยวลาว 2016

เปิดประตูโลกทัศน์สู่เมืองลาว

ผมย้ายไปอยู่และทำงานที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้สักระยะหนึ่งแล้ว และถึงแม้ผมควรจะเล่าเกี่ยวกับชีวิตในเมืองไทยให้คุณฟังต่อ แต่เมื่อเอดิเตอร์ภาษาไทยของผมส่งข้อความถี่ๆอย่างบ้าคลั่งจนผมสติแตกต้องทำตามที่เธอขอร้องแกมบังคับ แล้วหันมาเขียนเกี่ยวประเทศลาวในปัจจุบันแทนการเล่าเรื่องเกี่ยวกับเมืองไทยในอดีตต่อ ผมจะไม่เริ่มต้นจากช่วงปัจจุบัน แต่จะเล่าถึงเมืองลาวในอดีตแล้วค่อยแทรกช่วงปัจจุบันเพิ่มเติมเข้าไปสักนิดหน่อย ถือเป็นความผิดของเอดิเตอร์เลย ที่ผมจะไม่เล่าเรื่องเกี่ยวกับชีวิตในวงการไปอีกหลายอาทิตย์

น่าแปลก ถึงแม้ผมจะท่องรอบโลก แต่ผมกลับมีโอกาสเดินทางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้น้อยมาก อาจจะเพราะประโยคติดหที่ว่าู “ใกล้แค่นี้ หยุดสุดสัปดาห์ค่อยไป” สุดสัปดาห์หรือจะหนึ่งสัปดาห์ไม่เคยเป็นเรื่องจริงจัง

แม้ว่าผมจะเคยไปลาวครั้งหนึ่งในช่วงต้นหรือราวกลางยุคเก้าศูนย์ เมื่อท่านนายกช็อง เครชเชียนได้มีการผลักดันการลงทุนในเศรษฐกิจทั่วโลกโดยคณะ “ทีมแคนาดา” ของท่าน ด้วยการรวมทีมประมาณ 15 ผู้นำด้านธุรกิจในแคนาดา ผมเดินทางทั่วภาคอีสานของประเทศไทย ผ่านจังหวัดต่างๆ เช่น โคราช ขอนแก่น และอุดรธานี ก่อนข้ามชายแดนและเดินทางต่อไปยังเวียงจันทร์ ผมมีบทบาทเป็นล่ามให้ท่านทูตแคนาดาในขณะนั้นซึ่งเดินทางไปในนามหัวหน้าคณะนักธุรกิจ

Vientiane in 2016, many changes since the 1990s

เวียงจันทน์, 2016 – มีการเปลี่ยนแปลงมาก

เมื่อยี่สิบปีก่อน

ลาวและเวียงจันทร์ในยุคเก้าศูนย์นั้นมีความแตกต่างจากภาพตัวเมืองและโดยรอบในปัจจุบันอย่างมาก ผมยังจำได้ถึงการเข้าเยี่ยมชมกิจการของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของลาวในขณะนั้นเบียร์ลาว การมีโอกาสชมขั้นตอนการผลิตเบียร์ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของทริปเลยทีเดียวและโดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้ดื่มด่ำกับเบียร์ลาวในช่วงค่ำคืนนั้น และอาจเป็นการจะชื่นชมรสชาติที่มากเกินไปแต่มันก็เยี่ยมยอดมากเท่าที่ผมจำได้ พวกเราใช้เวลาในช่วงเช้าก่อนทัวร์โรงกลั่นเบียร์เข้าฟังการบรรยายพรีเซ้นท์หัวข้อต่างๆเกี่ยวกับสภาพธุรกิจและกฏระเบียบของประเทศลาว โดยทางแคนาดาได้มีการบรรยายหัวข้อเกี่ยกับศักยภาพความพร้อมและแนวคิดทางธุรกิจที่จะอาจนำมาใช้กับประเทศลาว ตลอดช่วงเช้าเป็นการทดสอบทักษะความสามารถทางการใช้ภาษาของผมอย่างเต็มที่ ผมต้องสารภาพถึงนิสัยเสียอย่างหนึ่งของผม การเลียนแบบวิธีการพูดและสำเนียงของผู้อื่น เช่นถ้าผมอยู่กับชาวออสซี่ ผมก็จะเริ่มติดสำเนียงออสซี่เห่ยๆเวลาออกเสียงคำบางคำ ผมทำเช่นเดียวกันตอนอยู่ในรัฐทางใต้ของอเมริกาโดยไม่รู้ตัว ลอกเลียนแบบสำเนียงของพวกเขา แต่เมื่อต้องทำงานอย่างเป็นทางการ แน่นอนสิ่งเหล่านั้นย่อมไม่ควรเกิดขึ้น แต่บางครั้งผมก็จับตนเองได้ว่าผมแทรกสำเนียงลาวเมื่อแปลไทย เช่นการออกเสียง “ช” เป็น “ส” และปิดท้ายด้วย “บ่” แทบทุกครั้งที่ผมมีโอกาส แต่นั่นก็เพื่อแทรกมุกตลกและผ่อนคลายผู้เข้าฟังบรรยาย

a quiet retreat near Vang Vieng Laos

สถานที่เงียบสงบใกล้วังเวียงประเทศลาว

หลังการบรรยายและทัวร์โรงกลั่นเบียร์ทั้งขณะก็ได้รวมตัวกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆน้ำพุ (จุดพบปะนอดนิยมของชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ที่เวียงจันทร์ในช่วงปีเก้าศูนย์) ถึงแม้จะยังมีน้ำพุอยู่ถึงปัจจุบัน แต่การได้สัมผัสประสบการณ์ในครั้งแรกที่ไปเยือนนั้นเป็นภาพที่น่าประทับใจกว่าสภาพปัจจุบัน ถนนรอบน้ำพุแยกส่วนของร้านอาหารออกมา ซึ่งทำให้พื้นที่บริเวณน้ำพุกว้างขวางและสวยงามกว่าปัจจุบัน ดูการพัฒนาอสังหาทำลายลุกล้ำพื้นที่เข้าไปใกล้น้ำพุมากจนเกินไป ทำลายความสง่างามที่ยิ่งใหญ่ก่อนหน้านั้นอย่างหมดสิ้น แต่กระนั้นผมก็ได้แวะไปเยือนอีกครั้งก่อนออกมา ผมไม่มีอารมณ์ลื่นไหลไปกับร้านอาหารอิตาเลียนหรือฝรั่งเศสแฟนซีพวกนั้น ผมอยากจะชิมอาหารพื้นบ้านละสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นมากกว่า ผมเดินตามถนนที่ทอดตัวไปยังแม่น้ำและเลี้ยวขวา แสงไฟจากถนนหยุดตรงน้าทางเข้าวัดแห่งหนึ่ง มองออกไปจากจุดนั้น ผมสามารถมองเห็นแสงเทียนและร่มที่ตั้งไว้ริมแม่น้ำ ผมเดินต่ออีกสักพัก ก่อนที่เพื่อนชาวแคนาดาอีกคนจะมาสมทบด้วยความคิดตรงกันว่า อาหารอิตาเลียนและฝรั่งเศสนั้นค่อยกลับไปกินที่ไทย เราอยากลองอาหารท้องถิ่นของที่นี่มากกว่า ในที่สุดเราก็ได้เอร็ดอร่อยกับข้าวเหนียวปิ้ง ไก่ย่าง ผักสดเต็มตะกร้า และเบียร์ลาวอีกหลายขวด ดื่มด่ำกับอาหารภายใต้บรรยากาศใต้แสงเทียนเลียบริมน้ำ ทุกวันนี้พื้นที่เลียบแม่น้ำถูกรื้อถอนออกไปหมด และแทนที่ด้วยถนนตัดใหม่ตลอดสาย ไม่มีเหลือให้เห็นอีกแล้ว ร่มต่างๆ โต๊ะไม้ไผ่กับเก้าอี้เล็กๆ เกือบกิโลจากวัดที่ถนนนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ และไม่ถึงหนึ่งกิโลจากวัดถึงจะสามารถเห็นพวกร้านอาหารเลียบแม่น้ำ ซึ่งถึงแม้ว่าตอนนี้ร้านเหล่านั้นจะถุกปรับปรุงมีสภาพใหม่ตามากขึ้นกว่าเดิม อาหารยังรสชาติดี และบรรยากาศที่เป็นมิตร แต่ราคาอาหารแพงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มื้อที่เคยราคาเพียงสองเหรียญในค่ำคืนช่วงกลางปีเก้าศูนย์นั้น ขยับราคาเป็นยี่สิบเหรียญ ไม่ถึงกับแพงเกินแต่ก็เปลี่ยนแปลง

floating restaurant along highway 10N in Laos

การรับประทานอาหารริมทะเลสาบบนเส้นทาง 10N ไปทางวังเวียง

กลับจากร้านอาหารที่บรรยากาศเงียบสงบในคืนนั้น เราเดินผ่านตลาดเล็กๆซึ่งมีแผงขายของดาษดื่นสารพัดอย่าง เครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อย รวมถึงนาฬิกาข้อมือ ผมบอกกับตัวเองว่า ผมจะซื้อของที่ระลึกสักชิ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงการมาเยือนประเทศคอมมูนิสต์และนั่นเอง นาฬิกาหน้าปัดเรียบๆ กับดีไซน์ลายปั๊มนูนของฆ้อนและเคียว มันเป็นของที่ระลึกที่สมบูรณ์แบบมาก แถมราคาไม่แพง และมันจะกลายเป็นของสะสมอีกชิ้นรวมเข้าไปในทำเนียบของสะสมจากทั่วโลกของผมได้อย่างดี (แค่ไม่กี่ชั่วโมง) จนกระทั่งวันถัดมาเมื่อพวกเราขึ้นรถโดยสารเพื่อกลับกรุงเทพฯ ใครบางคนก็ทำนาฬิกาข้อมือที่ระลึกตกลงพื้น ทิ้งเป็นความทรงจำหวานปนขมไม่ต่างจากหน้าปัดที่แตกร้าว

Posted in ประเทศลาว, อาหาร, เรื่องราว and tagged , , , , .

เคนอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลาหลายปีและได้เดินทางอย่างกว้างขวาง เขาสนุกกับการอ่านการเขียนการถ่ายภาพ, อาหาร, และการแบ่งปันเรื่องราว