ขบวนพาเหรดและอาหาร
และแล้วเช้าวันอาทิตย์ก็มาถึง ด้วยอุณหภูมิที่เย็นลงแต่บรรยากาศสดใส มีอะไรหลายอย่างมากที่ผมต้องทำในระหว่างวัน รวมถึงสรุปแผนการเดินทางไปมักชูปิกชู นัดพบเจ้าของบ้านที่ผมจะไปพักอีกสองคืน สำรวจตลาด ซักรีดเสื้อ จองที่พักในคูซโกและอากัวคาเลียนติ และอื่นๆ ผมกลับไปจตุรัสกลางเมือง ส่งผ้าที่ร้านซักรีดระหว่างทาง เมื่อถึงจตุรัส ผมได้ยินเสียงดนตรีและกลอง สังเกตเห็นคนกลุ่มใหญ่ยืนออกันอยู่ข้างทาง ถนนและจตุรัสถูกปิดกั้นด้วยการจราจรที่คลาคลั่งไปด้วยผู้คน มองเห็นจากในระยะไกล จุดที่เป็นตลาด ขบวนพาเรดกำลังเริ่มเคลื่อนตัวไปยังจตุรัส ผมเดินตามไปดู และเห็นหัวขบวนกำลังเริ่มแสดง ตามหลังมาติดๆคือกลุ่มคนในชุดประจำชาติของอินคาสีสันสดใส ผมไม่สามารถบอกได้ว่าเนื่องในเทศกาลอะไร ถึงแม้ว่าผมจะสังเกตเห็นใครบางคนในขบวนนั้นเดินถือกระโหลกชูไปมา หัวหน้าเผ่านำกลุ่มเด็กหนุ่มสาวติดตามไปตามเส้นทางมุ่งสู่จตุรัส ผ่านตาผมไป ด้วยริ้วป้ายและกระโปรงปลายพริ้ว ผมเดินตามไปสักพักก่อนที่จะเจออีกประตู ที่จะพาผมไปสู่ตลาด
ท้องเริ่มร้อง และเมื่อเดินต่อไปในตลาดผมเห็นโต๊ะตั้งเรียงต่อกันและในครัวก็เริ่มเสิร์ฟอาหาร บรรยากาศคล้ายที่ผมเห็นในตลาดในประเทศไทย และเมื่อผมเดินดูรอบๆ พยายามจะสื่อสารด้วยภาษาท้องถิ่น โชคร้ายที่ทักษะภาษาผมไม่ดีพอที่จะสั่งเมนูอะไรที่มีเอกลักษณ์ และต้องลงเอยชี้ไปยังจานที่ดูน่าสนใจ เพราะรู้ว่าต้องเสิร์ฟเป็นเซ็ตพร้อมซุปและน้ำดื่ม แทรกตัวลงนั่งที่โต๊ะหัวมุม ท่ามกลางกลุ่มคนที่กำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารมื้อสายในวันอาทิตย์ สักพักหลังจากนั้น ผมได้สมทบกับคู่รักชาวเปรูที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาและได้กลับมาเยี่ยมครอบครัวที่คูซโก บทสนทนาแวดล้อมไปด้วยเรื่องอาหารและการเดินชมตลาดในประเทศต่างๆทั่วทุกมุมโลก
เมื่อผมเดินเข้าไปในตลาด ผมสังเกตเห็นพวกแผงขายผลไม้เล็กๆ ที่มีม้านั่งและเครื่องปั่นน้ำผลไม้ อิ่มกับอาหารก่อนหน้าที่จ่ายเพียงสามเหรียญ ถึงเวลาที่จะต้องหาน้ำผลไม้ปั่นเพื่อสุขภาพดื่มเสียหน่อย มะม่วงคือผลไม้โปรดของผม และทุกปีในเดือนมีนาคม ผมมักจะน้ำหนักขึ้นราวโลสองโลเพราะสุดที่จะห้ามใจลิ้มรสความหวานหอมและกลมกล่อมของข้าวเหนียวมะม่วงในเมืองไทย หลายแผงตรงหน้าขายมะม่วงที่ดูน่าจะอร่อยเหมือนที่มีในไทย สมเหตุสมผลกับพวกเขาที่อยู่ทางตอนใต้ของเส้นศูนย์สูตร ผมสั่งน้ำมะม่วงปั่นแก้วใหญ่ที่ราคาค่อนข้างแพงเกือบเท่าราคาอาหารมื้อกลางวันของผมทั้งเซ็ต น้ำปั่นรสชาติอร่อยเหมาะกับการปิดท้ายมื้อกลางวันและเตรียมพร้อมกับการตะลุยเมืองเก่าของคุซโก
ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่นเมื่อเดินทาง
ผมนัดกับเจ้าของบ้านที่จะไปพักตอนเวลาบ่ายโมงที่ซานบลาสพลาซา เดินกลับไปหลายร้อยก้าวจากตลาดไปยังพลาซา ผมก้าวขาไปอย่างเชื่องช้า เพราะร่างกายยังปรับตัวไม่ได้กับความกดอากาศ แล้วผมก็ต้องหยุดเดินเป็นระยะ ราวบ่ายโมงผมถึงพลาซา และนั่งหลบแดดคอยเจ้าของที่พักบนม้านั่งอย่างเงียบๆ เหล่าพ่อค้าแม่ค้างานฝีมือขายของอยู่ตามบริเวณรอบน้ำพุ งานวาด แหวน กำไลข้อมือ และสินค้าจิปาถะที่คอยดูดเงินจากกระเป๋าของนักท่องเที่ยว เด็กๆวิ่งเล่นรอบพลาซา และเหล่านักท่องเที่ยวที่หามุมโปรดเพื่อพักผ่อนภายใต้แสงแดดที่อบอุ่น ตาเริ่มจะปิด และพยายามอย่างมากที่จะตื่นอยู่ มื้อกลางวัน น้ำปั่น สภาพอากาศ ล้วนรวมตัวกันทำให้ผมหลับ แต่ผมก็ยังหลับไม่ได้ มิฉะนั้นจะพลาดไม่ได้เจอเจ้าของบ้าน บ่ายโมง ผมไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา จนบ่ายครึ่ง แล้วก็ได้รับข้อความ “โทษที เผลอหลับ กำลังไป จะถึงในราวยี่สิบนาที” หลังจากเจอกัน เราเดินกลับขึ้นเนินเขาเสมือนราวพันก้าว แล้วผมก็แทบจะต้องใช้กำลังวังชาทั้งหมดที่มี เราไปถึงอพาร์ตเม้นท์
ผมถูกนำไปยังห้องพักที่ผมอาจต้องแชร์กับผู้เข้าพักอีกหนึ่งหรือสองคนแล้วแต่ใครจะมา ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์แทบไร้ประโยชน์ในเมื่อสัญญาณโทรที่พอหาได้คือในระดับถนนด้านล่าง ผมไม่ได้รับกุญแจจึงไม่สะดวกนักจะออกจากห้องหรือกลับมา ผมเลยทำได้แค่นั่งรอในห้องนั่งเล่นและรอต่อไปสองสามชั่วโมง อ่านดังเต อินเฟอร์โนฆ่าเวลาไปพลางๆ ราวหนึ่งทุ่มผมจึงตัดสินใจอาบน้ำก่อนที่น้ำอุ่นจะไม่มี ปิดไฟ เพราะไม่อยากเจอค่าไฟที่อาจต้องจ่ายเพิ่ม ควานหวานถุงนอนและปูลงบนที่นอน และผ้าห่มที่ดูเหมือนขนม้าหรืออะไรประมาณนั้นที่ดูผ่านการใช้งานมาตั้งแต่ศตวรรษที่แล้ว โชคดีมากที่ผมซื้อน้ำดื่มติดตัวมาด้วยและทำให้ผมรอดผ่านคืนนั้นไปได้