ชีวิตในเกมโชว์ทางโทรทัศน์

ken in thailand in 1990

จากชนบทสู่เมืองหลวง … ชีวิตเปลี่ยนไป

จากเกษตรกรรมสู่โทรทัศน์ …

ผมควรจะเริ่มต้นทิศทางการเขียนใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับปัจจุบัน แต่หากปราศจากที่มาที่ไป จะมีปัจจุบันได้อย่างไร ผมจึงจำเป็นต้องเท้าความถึงอดีตและจุดกำเนิดของเรื่องราวทั้งปวง บางครั้งชีวิตมีการหักมุมแปลกๆ และย้อนกลับไปเมื่อตอนผมอายุ 25 อยู่ในประเทศที่แปลกประหลาดและวัฒนธรรมที่มีภาษายากเกินกว่าจะเข้าใจ ผมยอมรับว่ามีหลายครั้งในช่วงการทำงานสองปีแรกที่แทบจะถอดใจเก็บกระเป๋าแล้วจองเที่ยวบินแรกกลับบ้าน เมื่อเกิดอารมณ์นั้นขึ้น ผมอยากจะโทรหาสำนักงานที่กรุงเทพฯ และด้วยคำพูดทื่อๆไม่กี่ประโยคที่ชัดเจนว่าผมเกินพอแล้ว พวกเขาก็น่าจะจับผมขึ้นเครื่องเที่ยวถัดไปแล้วส่งไปไหนสักที่ ที่ไหนก็ได้ ไม่แคร์แล้ว ณ จุดนี้ ขอให้พ้นจากประเทศไทยเป็นใช้ได้ แต่ทุกครั้งพวกเขาก็จะบอกให้ผมไปทะเลในช่วงวันสุดสัปดาห์ หรือไปเที่ยวเขา เข้าร่วมงานสังสรรค์หรืออะไรสักอย่างสักสองสามวัน และหลังจากได้ปลีกตัวไปพักผ่อนสักอาทิตย์ ชีวิตก็ดูเหมือนจะง่ายขึ้น น่าสนใจขึ้น แล้วหลังจากนั้นงานก็ดูเหมือนจะไม่เลวร้ายอีกต่อไป

และเมื่อผมใกล้จะหมดสัญญาปีที่ 3 ผมเริ่มมองหาโอกาสใหม่ๆ ดูเหมือนจะมีงานกับบริษัทหนึ่งที่ทางภาคเหนือ หรือไม่ก็บินกลับแคนาดาแล้วทำตัวให้คุ้นเคยกับสังคมที่นั่น ไม่ว่าจะทางเลือกไหนก็ไม่มีอะไรแย่สำหรับผม แต่หากได้งานที่เมืองไทยก็ย่อมดีกว่าเพราะภาษีและค่าครองชีพนั้นถูกกว่าเยอะ และในขณะที่ผมรอคำตอบ เดือนกันยายนก็สิ้นสุดลงอย่างช้าๆ พร้อมการเริ่มต้นของเดือนตุลา ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายก่อนหมดสัญญา ทุกอย่างเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้า และแล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น แล้วใครคนหนึ่งก็ชะโงกหัวมาบอกผมถึงสายที่เรียกเข้าจากกรุงเทพฯ ถึงจะไม่รู้ว่าใครโทรมา แต่ก็คิดว่าคงเป็นเพื่อนคนไหนสักคนโทรมาชวนไปกินข้าวหรือไม่ก็ไปไหนสักที่ด้วยกันช่วงสุดสัปดาห์ ผมลุกขึ้นเดินเอื่อยๆอย่างไม่ได้ตื่นเต้นอะไรนักไปยังส่วนหน้าออฟฟิศเพื่อรับสาย

most popular game show in thailand

รายการโทรทัศน์ … มาตามนัด

โทรศัพท์ …

สรุปว่าไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นเพื่อนของเพื่อนของหนึ่งในครูสอนภาษาไทยของผมเมื่อสามปีก่อนที่ผมยังติดต่ออยู่แต่ไม่บ่อยนัก สิ่งที่อธิบายถึงเหตุผลที่โทรมานั้นน่าสนใจยิ่งนัก และผมก็ไม่แน่ใจนักว่าควรจะตอบกลับอย่างไร ยาวและสั้นของเรื่องนี้ก็ประมาณว่า คนที่โทรหาผมโทรมาในนามของผู้ผลิตการสร้างรายการเกมโชว์ทางทีวีรายการดังที่สุดในเมืองไทย รายการ “มาตามนัด” ในขณะนั้นได้ชื่อว่าเป็นรายการที่เรตติ้งพุ่งทะลุเพดาน โดยออกอากาศทุกวันจันทร์ถึงวันพุธ และผู้ชมเกือบครึ่งประเทศจะต้องจดจ่ออยู่กับบ้านเพื่อชมการโต้ตอบระหว่างผู้ดำเนินรายการกับผู้เข้าร่วมแข่งขัน แข่งกันสามคืนติดต่อกัน ผสมผสานระหว่างคำถามปริศนาที่หลากหลายและกลุ่มคำ คำถามครอบคลุมกว้างหลายประเด็นหัวข้อตั้งแต่ภาษา ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม การท่องเที่ยว วงการบันเทิง และอื่นๆอีกมากมาย โดยในโอกาสพิเศษนี้ พวกเขาจะมีผู้แข่งขันพิเศษคือผู้ที่พูดภาษาไทยได้ แต่ไม่ใช่คนไทย ซึ่งก็คือชาวต่างชาตินั่นเอง

ผมสนใจที่จะออกทีวีและแข่งขันในรายกสรเกมโชว์รึ”

ผมไม่รู้เลยว่ากำลังต้องเผชิญกับอะไร แต่มันคือข้อเสนอ ผมไม่มีอะไรอย่างอื่นทำอยู่ดี ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ

ไม่มีใครรู้จักผม ดังนั้นถึงแม้ผมจะทำอะไรโง่ๆออกมา มันก็ไม่สำคัญ และผมก็จะกลับประเทศในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าอยู่ดี’ ผมแค่กังวลอยู่นิดหน่อยกับทักษะการใช้ภาษาไทยของผมที่่ไม่รู้สึกว่าดีพอ แต่หลังจากนั้นผมก็ไปตามน้ำและรับคำเชิญ

the hosts of the program

พิธีกร เศรษฐา ศิระฉายา และญาณี จงวิสุทธิ์

แสง  กล้อง … เสียงหัวเราะ

ช่างน่าประหลาดกับชีวิตที่พลิกผัน แต่การใช้ชีวิตยึดติดอยู่แต่แบบแผนที่วางไว้ก็ช่างน่าเบื่อ และผมก็เกลียดความน่าเบื่อหน่ายนั้น (ถึงแม้ว่าความน่าเบื่ิอจะดูมั่นคงกว่า) ผมเดินทางเข้ากรุงเทพฯในอาทิตย์ถัดมา และไปถึงที่ห้องส่งตามเวลานัด ด้วยชุดที่ไม่ได้บ้านนอกเกินไป ผมนั่งรอและได้รับการแนะนำให้รู้จักกับผู้ร่วมแข่งขันคนอื่นๆ และแล้วใจก็หล่นตุ้บ ครูชาวอเมริกันที่อยู่ในเมืองไทยมากว่าสิบปี นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่อยู่มานานพอๆกัน ชางอังกฤษอีกคนซึ่งอยู่มาเจ็ดปี ผมสามารถได้ยินพวกเขาพูดกันเมื่อถูกแนะนำตัวกับทีมงาน แล้วผมก็เหงื่อตก จะมีทางไหนที่เป็นไปได้ที่ผมจะไปแข่งขันอะไรกับพวกเขา ผมรู้ดีเกี่ยวกับวัว แต่ความสามารถแทบจะเป็นศูนย์ในเรื่องอื่นในภาษาไทย

thailand's most popular game show

รายการโทรทัศน์ยอดนิยมของประเทศไทย มาตามนัด

ในไม่ช้าทุกอย่างก็เร่งรัดขึ้น ทำผม แต่งหน้า เดี๋ยวนะแต่งหน้ารึ? ผมเนี่ยนะ? และทำผม? สารพัดสเปรย์ แป้งรองพื้น แว๊กซ์ พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาโป้ะอะไรลงไปบ้างบนหัวและหน้าผม ผมผู้ซึ่งเคยชินแต่การที่วัวหันกลับมาแล้วเลียผม (ที่มาของคำว่า สไตล์ผม cowlick) และสิ่งที่อยู่บนใบหน้า มักจะเป็นเขม่าควันดำจากท่อไอเสียรถบรรทุกในขณะที่ผมอยู่บนหลังมอเตอร์ไซต์ สิ่งเหล่านี้เป็นโลกใหม่ที่แปลกประหลาดสำหรับผมอย่างสิ้นเชิง เสียงกริ่งดังขึ้นมาจากไหนสักที่ แล้วก็เหมือนที่เห็นในหนัง มีคนวิ่งออกมาแล้วพาพวกเราไปยังห้องส่ง สายเกินไปที่จะชิ่ง ก็ต้องวัดดวงกันละ ไฟส่อง กล้องเดิน ผู้ดำเนินรายการหัวเราะสรวล และ…

ผมกลายเป็นตัวตลก และผมก็ไม่ได้กลับประเทศในเดือนต่อมา

 

 

Posted in ประเทศไทย, เรื่องราว and tagged , , , .

เคนอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลาหลายปีและได้เดินทางอย่างกว้างขวาง เขาสนุกกับการอ่านการเขียนการถ่ายภาพ, อาหาร, และการแบ่งปันเรื่องราว