ความสวยงามที่น่าอัศจรรย์ในเทือกเขาโบลิเวีย
โรงแรมและริ้วธงห่างออกไปในฉากหลัง กลุ่มควันเล็กๆพัดมวลอยู่ในอากาศตามท้ายขบวนคาราวานสี่ล้อ จากระยะไกลเราสามารถมองเห็นยอดเขาที่ล้อมรอบด้วยนาเกลือ รถสองคันขับแยกทิศกันไป “สำหรับทุุกสิ่งที่ดีกว่า” คนขับกล่าว เพื่อหามุมดีๆที่พวกเราจะได้พักรับประทานมื้อเที่ยงกันอย่างสุขสบายและได้ปลดปล่อยใจไปกับอิสระความงามของพื้นที่เวิ้งว้างสีขาวอันกว้างใหญ่สุดสายตา ก่อนจะเดินทางต่อตลอดวันจนถึงพรุ่งนี้
โต๊ะสองสามตัวมาตั้ง พร้อมเก้าอี้นั่งพลาสติก ตามด้วยผ้าปูโต๊ะ ไม้หนีบจีบมุมไม่ให้ผ้าปลิว ในขณะที่เตาปิคนิคถูกนำมาตั้งเพื่อต้มน้ำและปรุงอาหาร ไม่นานนักมื้อกลางวันเราก็พร้อม เต็มไปด้วยสลัดและควินัว ผมได้ถือโอกาสเดินสำรวจเหมืองเกลือ เกลือกอบเป็นกองๆ ปูแนวเป็นถนนเส้นยาวๆ ตากแดดให้แห้งก่อนที่จะเก็บในวันถัดไป ตามที่ผมกล่าวไว้ก่อนหน้า เกลือที่ปกคลุมพื้นที่นี้สามารถเจอได้ทุกที่ในรัศมีที่ลึกลงไปไม่กี่เซ็นติเมตรหรือจะลึกระดับหลายเมตร และเหมืองเกลือยังเป็นรายได้หลักทางเศรษฐกิจ
เกาะในมหาสมุทรเกลือ
กินเสร็จ ทุกอย่างแพ็คเก็บ แล้วเราก็มุ่งสู่จุดหมายต่อไป เกาะกลางพื้นที่กว้างใหญ่ ซึ่งจริงๆ แล้วคือยอดเขาที่โผล่ทะลุพื้นผิวขึ้นมา และด้วยวิถีประหลาดระคนทึ่ง เหล่าพันธุ์ไม้ไชรากและเบ่งบานอย่างองอาจมุ่งมั่นไม่สยบต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตร ถูกปล่อยให้สำรวจสถานที่ตามอัธยาศัย พวกเราส่วนใหญ่เริ่มปีนไต่ไปตามทางหินขรุขระจนถึงจุดชมวิวบนยอดเขาเล็กๆ
จากจุดที่ยืนทอดสายตามองข้ามพื้นที่สีขาวกว้างใหญ่งดงามเกินร้อยเป็นถ้อยคำ ไม่ยากเกินเข้าใจได้ว่าทำไมที่นี่ถึงสะกดเหล่านักท่องเที่ยวให้หลั่งไหลมาเยี่ยมชมหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ธรรมชาติสรรสร้าง ในเดือนกันยายน สภาพภูมิอากาศแห้ง ยังไม่มีฝนตกจนกว่าจะย่างเข้าเดือนมกราคม และถึงแม้จะถึงตอนนั้นฝนก็ตกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเมื่อฝนตกลงมา กองเกลือมหึมาจะถูกทับคลุมด้วยละอองน้ำเป็นชั้นบางๆ และพื้นผิวขนาดยักษ์เปลี่ยนสภาพเป็นกระจกผืนใหญ่ให้ได้ถ่ายเก็บบันทึกภาพประทับใจ (ความแบนราบของพื้นที่ของซาลาเดออูยูนิ รวมกับเงาสะท้อนของน้ำในช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจงของปี ทำให้พื้นที่นี้ของโลกเหมาะอย่างยิ่งสำหรับ การสอบเทียบเซ็นเซอร์การวัดระยะทางของดาวเทียม ความเที่ยงตรงของการวัดไม่ว่าจะเป็นสำหรับงานแผนที่หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ของดาวเทียมทั่วโลกส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าจากนาเกลือซาลาเดออูยูนิ)
ภาพตลก
หลังเดินเที่ยวชมจนหนำใจ สารถีของพวกเราก็ขับต่อไปยังอีกสถานที่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ถ้าไม่ใช่จากการไปเที่ยวที่นั่นโดยตรง ก็จากภาพถ่ายตลกๆ ที่คนตัวสูงใหญ่พยายามจับคนโยนลงสายน้ำเชี่ยว หรือไม่ก็คนตัวจิ๋วพยายามบาลานซ์ตัวบนเชือก มุมบังคับของภาพเกิดขึ้นได้เพราะไม่มีสิ่งอื่นใดบนเส้นขอบฟ้าที่จะบอกถึงระยะทาง เลยทำให้เกิดภาพลวงตา
เราใช้เวลาที่เหลือในช่วงบ่ายอย่างดีกับกิจกรรมสบายๆ ถ่ายรูปสวยๆ กันไป ตามมุมต่างๆ ที่คนขับแนะนำ (พวกเขาเห็นมาหมดทุกมุมแล้ว และเชี่ยวชาญมุมมทที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาด และบางทีก็อาจเป็นการดีสุดทำตามที่พวกเขาแนะนำ) อาทิตย์อ่อยอิ่งละฟ้า พวกเราได้เก็บภาพสวยๆ รอจนแสงสุดท้ายปริ่มขอบฟ้า เพื่อถ่ายภาพพระอาทิตย์ตก ไม่มีผู้ใดเอ่ยเอื้อนวาจา ตะลึงและดื่มด่ำความสงบอันแสนงดงามของอาทิตย์อัศดง
ฮ็อปบิทแลนด์
อย่างช้าๆ พวกเราเดินกลับขึ้นรถ เมื่ออาทิตย์ละฟ้า อุณหภูมิก็ตก และเริ่มดิ่งลงอย่างรวดเร็ว พลบค่ำและพวกเราก็เริ่มหาที่พัก เกือบ 45 นาทีที่พวกเราขับตระเวนหาก่อนที่จะจอดรถ ณ ลานรีสอร์ทที่สวยงามแห่งหนึ่ง และถ้าผมจำไม่ได้ว่ายังอยู่ในโบลิเวีย ผมต้องนึกว่าพวกเราหลุดมาอยู่ในฮ็อปบิทแลนด์เป็นแน่ บังกะโลหลังจิ๋วที่ถูกออกแบบเหมือนบ้านของพวกคนแคระ เราเคลื่อนขบวนกันไปยังห้องพัก ฝากกระเป๋า แล้วก็มุ่งหน้าไปยังห้องอาหาร วันอันแสนจะยาวนานและเหนื่อยล้า การได้หย่อนก้นนั่งบนเบาะนุ่ม ตักอาหารอุ่นๆ เข้าปากช่างเป็นการสิ้นสุดวันอย่างสมบูรณ์แบบ อาหารพื้นเมืองรสชาติแสนอร่อย
ใช้เวลาไม่นานพวกเราก็สวาปามกันจนหมด นั่งอ้อยอิ่งอิ่มสบายอยู่ที่โต๊ะ พวกเราส่วนใหญ่เหนื่อยเกินกว่าที่จะนั่งต่อ แล้วก็ค่อยๆ ต่างเคลื่อนพลกลับห้องพัก อาบน้ำอย่างรวดเร็วก่อนพุ่งตรงขึ้นเตียง อุณหภูมิยังลดลงอย่างต่อเนื่อง และตอนที่พวกเราเข้านอนอุณหภูมิก็ตกอยู่ราว 10 องศา ก่อนจะปิดไฟผมไม่ลืมที่จะเอื้อมมือคว้ยาแก้แพ้ความกดอากาศกรอกเข้าปาก พวกเราอยู่ที่ระดับ 4,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และผมก็คาดหวังจะได้นอนหลับอย่างสบายและเต็มอิ่ม เป็นการเตรียมตัวอย่างพร้อมและผมก็หลับสนิทตลอดคืน แต่รุ่งอรุณของวันใหม่ก็ช่างมาเยือนเช้าเหลือเกิน