สีชมพู เม็ดยา และตาสอดรู้สอดเห็น
มันเป็นเช้าวันถัดมาและผมก็ทำใจได้ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำฝักโกโก้กลับบ้าน มันคงจะเป็นของที่ระลึกที่เจ๋งมากและไม่เหมือนของที่ระลึกที่คนส่วนใหญ่เคยได้รับ แต่ก็อีกนั่นแหละ ศุลกากรของแคนาดาก็คงยึดไว้และปรับผม หรือไม่ก็แจ้งข้อหาอะไรสักอย่างที่พระเจ้าเท่านั้นจะรู้ได้ ดีที่สุดไม่ควรมีประวัติอาชญากรรมเพราะลักลอบนำเข้าฝักโกโก้ มันอาจถูกเข้าใจผิดโดยเจ้าพนักงานที่ไม่ฉลาดนักและผมอาจถูกจับโทษฐานลักลอบนำเข้าโคเคนก็เป็นได้ ถีงเวลาที่จะต้องไปสถานีรถทัวร์และเดินทางสู่จุดหมายต่อไปแล้ว มาราไก และจากที่นั่นต่อไปจุดหมายสุดท้าย เมืองชายทะเลเล็กๆที่ชื่อ โชโรนี ไม่ต้องพะวงปัญหาเรื่องภาษาอีกต่อไปเพราะผมจะเดินทางไปพร้อมกับเพื่อนของผม การไปสถานีรถทัวร์และซื้อตั๋วผ่านไปอย่างราบรื่น และในไม่ช้าเราก็ขึ้นรถทัวร์เพื่อเดินทางไปสู่จุดหมาย เรานั่งลงและการสนทนาก็เริ่มต้นขึ้นไปอย่างลื่นไหลและสบายๆในขณะที่ตามองทิวทัศน์ที่งดงามเคลื่อนผ่านไปจากหน้าต่าง
ในขณะที่รถทัวร์เริ่มลดความเร็วลง เราอยู่ระหว่างการสนทนาเรื่องอะไรสักอย่าง ในหัวข้อเกี่ยวกับวรรณกรรมและวัฒนธรรม เป็นไปได้ว่าอาจจะภาพยนตร์หรือไม่ก็ศิลปะ โดยไม่ได้สนใจถึงการชะลอความเร็วของรถ ทันใดนั้นประตูถูกผลักเปิดและเหล่าตำรวจก็เข้ามา “ทุกคนลงไปก่อน!” ผมไม่มีความตระหนกแต่อย่างใด ผมหมายถึงมันจะเกิดอะไรขึ้นได้กลางวันแสกๆบนทางหลวงที่พลุกพล่าน ขั้นตอนก็คงไม่ต่างจากที่ผ่านๆมา ผู้โดยสารถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม พลเมืองเวเนซูเอลาฝั่งหนึ่ง และชาวต่างชาติอีกฝั่ง ซึ่งก็ผมคนเดียวนั่นแหละ หนังสือเดินทางถูกเช็คและตำรวจถามว่ากระเป๋าของผมคือใบไหนก่อนมันจะถูกลากออกมาจากที่เก็บของท้ายรถและยกขึ้นวางบนโต๊ะ ผมหน้าซีดไปชั่วขณะ พวกเขาตั้งใจตรวจค้นอย่างละเอียดและจริงจัง ท่ามกลางแสงจ้าและต่อหน้าผู้โดยสารกว่าห้าสิบคนที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง และผมก็นึกถึงกระเป๋าเครื่องใช้ส่วนตัวในห้องน้ำ และแพ็คผ้าทำแผลในอีกช่องหนึ่งในกระเป๋า ผมลืมเสียสนิท
อึดอัดกับการค้นหารอบใหม่
ผู้โดยสารชาวเวเนซุเอลาถูกถามคำถามสองสามข้ออย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก และถูกปล่อยให้ยืนอยู่ข้างถนน ผมยืนอย่างไม่แน่ใจอยู่ชั่วครู่ก่อนเปิดกระเป๋าสัมภาระ เพื่อนของผมถามเจ้าพนักงานว่าจุดประสงค์เพื่ออะไรและทำไมผมถูกค้นอยู่คนเดียว (เพื่อนก็ช่างกล้า) และเขาก็ได้รับเสียงกร่นในคอแทนคำตอบ (ซึ่งผมก็คาดไว้ว่าคำตอบก็คงจะได้ประมาณเช่นนั้น) อย่างช้าๆกระเป๋าของผมถูกเปิดออก ถุงนอน ถุงเท้า เสื้อเชิร์ต ขมวดคิ้วเมื่อดูหมอนพก แต่ไม่มีสิ่งของใดน่าสงสัยที่พวกเขาจะค้นหาได้ในกองข้าวของเหล่านั้น หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็รูดเปิดซิปช่องข้างกระเป๋าที่ผมเก็บรองเท้าคร็อกไว้ ตลอดเวลาที่เพื่อนผมพยายามไต่ถามเจ้าพนักงาน แต่ดูเสมือนยิ่งเขาถามมากเท่าไหร่ พวกตำรวจก็ยิ่งตรวจค้นข้าวของผมนานขึ้นเท่านั้น ไม่มีอะไรต้องสงสัย แล้วเขาก็ย้ายไปค้นอีกช่องซึ่งผมได้แต่หวังว่าเขาจะมองข้ามมันไป ช่องเก็บสัมภาระนั้นเต็มไปด้วยของที่ระลึกชิ้นเล็กชิ้นน้อย ที่ผมถูกถามว่าเอาเข็มกลัดธงชาติแคนาดามาทำอะไร และป้ายคาดกระเป๋าเดินทางที่มีรูปธงชาติแคนาดาคาดอยู่ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แค่เป็นเครื่องรางนำโชคและโปรโมทประเทศ หลังจากนั้นก็ของชิ้นต่อไป กระดาษชำระ ที่หมิ่นเหม่ว่าเป็นการลักลอบเพราะผมซื้อที่ชายแดน ก็แน่นอนล่ะในเมื่อมันไม่สามารถหาซื้อได้ในประเทศ แต่ผมก็ขนมาแค่สองแพ็คเอง มีอีกสิ่งที่เหลืออยู่ในกระเป๋า และผมก็ค่อยๆเคลื่อนตัวไปยืนตรงหน้าเจ้าหน้าที่เพื่อไม่ให้ผู้โดยสารคนอื่นเห็นสิ่งของชิ้นต่อไปโดยผมพยายามทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้เท่าที่จะทำได้ และในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังยื่นมือเพื่อจะตรวจค้นม้วนผ้าทำแผล อะไรบางอย่างก็ขัดเขา เขาทำเสียงในคออย่างไม่พอใจ เขาเงยหน้าขึ้นมอง และยัดแพ็คกระดาษชำระกลับเข้ากระเป๋า ปิดทับกล่องผ้าทำแผลนั้นพอดี เขามองในกระเป๋าอีกครั้งแต่ไม่พบอะไรน่าสงสัย มีเสียงกร่นในคออีกครั้งหนึ่งก่อนจะรูดซิปปิด และแล้วช่องสุดท้ายของกระเป๋าก็ถูกเปิดออกซึ่งในนั้นมีกระเป๋าใบที่บรรจุของใช้ในห้องน้ำ
ดอกไม้สีชมพู … และ 50 คู่สายตา
ไม่มีทางที่ผมจะซ่อนกระเป๋านั่นจากสายตาใครได้ คุณคิดดูสิ ผมต้องทิ้งกระเป๋าใส่ของใช้ในห้องน้ำสีดำเรียบไว้ที่แคนาดา มันเล็กเกินกว่าที่จะบรรจุอะไรที่ต้องการนำติดตัวไปได้ และในนาทีสุดท้ายก็ไม่มีอะไรใช้ได้นอกจากจะขอร้องคุณแม่ของผมว่ามีกระเป๋าอะไรให้ผมใช้แทนได้บ้าง ไม่กี่นาทีสิ่งที่ผมได้ก็คือทางเลือกสามทางของกระเป๋าสามขนาด แต่ทุกใบก็มีลายแบบเดียวกัน ฟุ้งฟิ้ง มุ้งมิ้ง ด้วยลายดอกลิลลี่สีชมพู และดอกไลแล็คแทรกด้วยใบไม้สีเขียว ซึ่งหนึ่งในสามมีขนาดที่พอเหมาะพอเจาะ และผมก็ต้องตัดสินใจอย่างหนักระหว่างว่าจะเอาของติดตัวไปน้อยชิ้นลงหรือนำกระเป๋าลายดอกไม้สราญตาไปใช้ ผมเลือกประการหลังด้วยความหวังเดียวว่าก็คงไม่มีใครเห็นอยู่ดี และนี่ไงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า ในประเทศเวเนซูเอลา ท่ามกลางผู้โดยสารผู้หญิงเต็มขบวนรถที่กำลังสงสัยว่าทำไมตำรวจตรวจค้นนานนัก ผมสัมผัสได้ถึงสายตาที่แผดเผาหลังผมอยู่ เมื่อพวกเขาจ้องมองสิ่งของที่ตำรวจกำลังดึงออกมา
กระเป๋าลายฟุ้งฟิ้งจากแม่ผม (กับรอยยิ้มกวนๆบนใบหน้าของเขา) และอย่างสิ้นหวังที่จะปิดปังมันจากสายตาของกลุ่มคนข้างหลังที่รายล้อมอยู่ เขารู้สึกถึงความไม่สบายใจนักของผมได้และสะบัดมันไปมาชั่วครู่ก่อนเปิดออก เขาได้ยินเสียงคลิ๊งก่อนเห็นขวด และนั่นก็คือขวดยาไทลินอล มากพอที่จะช่วยลดอาการปวดศีรษะของตำรวจทั้งหมดนี้ไปได้ตลอดปี พอตรวจทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว สิ่งของก็ถูกยัดกลับเข้าไปในกระเป๋า และในขณะที่เขาหยิบขวดยาอย่างช้าๆเพื่อจะใส่กลับไปด้วยเขาหันไปหาเพื่อนของผมและถามว่า “ผมจะบริจาคไทลินอลขวดนี้ให้ตำรวจได้มั้ย” มันเป็นสถานะการณ์ที่ลำบากใจ ถ้าคุณให้ยาขวดนี้ คุณอาจกลับขึ้นรถได้ภายในสามสิบวินาที หรืออาจเจอจับโทษฐานขนยา เพื่อนผมใช้เวลาหนึ่งวินาทีกับคำตอบ
“ไม่ได้ เพราะผมต้องการมันอย่างน้อยสองเม็ดทุกๆ วัน” เขาจ้องหน้าตำรวจซึ่งกำลังจ้องกลับและตัดสินใจว่ามันร้อนเกินกว่าที่จะมาเล่นเกมเดาใจ ยัดขวดยาใส่กลับลงในกระเป๋าสีชมพูและหย่อนกระเป๋าฟุ้งฟิ้งลงกระเป๋าสัมภาระ ผมล็อคกระเป๋า หันหลังกลับ และดูเหมือนผู้โดยสารห้าสิบคนนั่นเจออะไรที่น่าสนใจ ที่จะมองมากกว่าผมจากต้นไม้และก้อนหิน ผมโยนกระเป๋าใส่ท้ายรถ และขอบคุณกระเป๋ารถด้วยอาการสงบก่อนเดินกลับขึ้นรถอย่างช้าๆ “ขอบคุณพระเจ้าที่ตำรวจไม่ติดใจอะไรกับไทลินอลขวดนั้นและจับผมโทษฐานขนยา” ผมบอกเพื่อน “ไม่หรอกน่า มันก็จะดูใจร้ายเกินไปถ้าเขาทำเช่นนั้นต่อหน้าใครต่อใครที่กำลังดูอยู่” เพื่อนผมตอบ “แต่ทำไมคุณดูวิตกกังวลมากเลยกับสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าใส่ของที่ระลึกนั่น อะไรที่คุณซ่อนไว้แล้วไม่อยากให้เขาเห็นรึ?
“อ้อ ผมยัดแผงถุงยางไว้ในม้วนผ้าทำแผลนั่น เผื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน”