ว่าด้วยเรื่องภาษาและภาพยนตร์
“นี่ดื่มมารึ?”
“อะไรกัน?”
“ตัวคุณคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า!”
“ผมไม่ได้แตะมันสักหยดมาสองวันแล้ว”
“เอ่อ แต่กลิ่นตัวเธอน่ะเหมือนแทบจะอาบด้วยเหล้ากลั่นมาเลย”
ผมอึ้งไป ก็ผมไม่ได้แตะแอลกอฮอล์ใดๆทั้งสิ้นมาหลายวันแล้วน่ะสิ ถึงแม้ว่าปาร์ตี้เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาจะสนุกสุดเหวี่ยงและบ้าระห่ำซึ่งทำให้คนส่วนใหญ่ต้องใช้วันเสาร์ทั้งวันในการกู้สภาพตัวเอง และแน่นอน รวมถึงผมด้วย
แต่หลังจากนั้นผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าอะไรคือสาเหตุที่มาของคำถามนั้น งานเลี้ยงคืนวันศุกร์เริ่มจากอาหารค่ำในงานแต่งงาน และจากนั้นก็สนุกกันต่อตลอดคืน จะว่าไปก็ไม่จำเป็นต้องหาข้ออ้างอะไรนักที่จะสังสรรค์ วันเกิด งานศพ การพนันขันต่อหลังวัดทันทีที่พระสวดเสร็จ งานแต่ง วันเงินเดือนออก บวชเณร บวชพระ เหตุใดๆก็ดูจะดีพอ แถมยังมีวัดมากพอที่จะจัดงานพร้อมเหตุอ้างที่ไม่ยากจะยกมาใช้ และส่วนใหญ่งานสังสรรค์เหล่านี้หลังจากเหล้ากลั่นชั้นดีขวดแรกหมดไป วิสกี้คุณภาพต่ำก็ถูกนำมาแทนที่ วันนี้ถ้าผมได้กลิ่นนั้น บางทีผมอาจจะอาเจียนไปแล้ว แล้วกลิ่นของมันก็จะติดตัวคุณไปอีกสองสามวันหลังจากนั้นเมื่อคุณดื่มมันในปริมาณมากเกิน และผมก็คาดว่านั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนวันศุกร์ วิสกี้ท้องถิ่นที่ถูกอัดลงกระเพาะอย่างหนักหน่วง และเมื่อถึงวันจันทร์ผมก็ไม่ควรจะแปลกใจอะไรกับคำถามที่ถูกถาม ผมตกลงใจไว้ว่าจะไม่นำมันเข้าร่างอย่างสิ้นคิดอีกเพราะผมไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นสิงห์สุรา
ภาพยนตร์กลางแจ้งสไตล์ไทย
พูดถึงวัดวาและสารพัดงานที่จัด จะว่าไปก็เป็นสถานที่ที่เหมาะสมกับการจัดกิจกรรม ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเป็น การฉายหนังกลางแปลงสักสี่ห้าเรื่องหลังพิธีงานเสร็จ เจ้าภาพยิ่งรวย จำนวนเรื่องที่ฉายก็มากขึ้น รวมถึงคุณภาพของเรื่องที่เลือกมาให้ชม หลายคืนที่ผมกับเพื่อนได้ดูหนังติดต่อกันหลายเรื่อง ในช่วงยุคแปดศูนย์ยังมีความต้องการอย่างมากให้เจ้าภาพฉายหนังกลางแปลงบนจอขนาดยักษ์ ส่วนใหญ่ระบบการฉาย มักจะประกอบด้วยรถบัสหรือรถบรรทุก ที่แปลงด้วยอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการฉายกลางแจ้ง เราจะรู้ในช่วงเที่ยงของวันนั้นว่าวัดไหนจะมีการจัดฉาย ขณะที่เรากำลังขับรถไปที่ฟาร์ม เมื่อผ่านวัดต่างๆ เราจะเห็นรถบรรทุกจอดกันและจำนวนคนที่ขึ้งเคียด กับการจัดเตรียมขึงโครงและปรับพื้นที่เพื่อติดตั้งจอ ถัดจากโครงคนอีกกลุ่มก็จะง่วนอยู่กับการติดตั้งลำโพง และเมื่อถึงบ่ายสี่โมงเย็นการเทสต์ระบบเสียงก็เริ่มขึ้นและดังลั่นไปทั่วทุ่ง มันช่างดังสนั่นจริงๆ เมื่อพิธีการอะไรก็ตามซึ่งเป็นเหตุผล ที่จะมีภาพยนตร์ภายใต้แสงดาวเสร็จสิ้น เสียงดนตรีเริ่มบรรเลง และโฆษณาสินค้าก็เริ่มส่งเสียงแผดก้องออกมาจากลำโพง ส่งสัญญาณให้ผู้ชมได้รับรู้ว่าถึงเวลาแล้วที่จะจัดหาที่นั่งของตน และเตรียมดื่มด่ำกับอรรถรสในการชมภาพยนตร์
การพากย์และความโง่เขลา
โฆษณาส่วนใหญ่มักจะเกี่ยวกับหยูกยาราคาถูก สูตรยาสมุนไพรต่างๆ รวมถึงยาดม ครีมทาแก้พุพอง รักษารวยข่วน หญ้าบาด อะไรเทือกนั้น ผมยังเห็นโฆษณาบางตัวเหล่านั้นบ้างจวบจนทุกวันนี้ แน่นอนมีพรีเซ็นเตอร์หน้าใหม่ๆ แต่เสียงพากย์ก็ยังคงโทนเดิมมาตลอดหลายปี บทพูดแบบเดิมๆที่ใช้กันมากว่าสามสิบปี รายการส่วนใหญ่มักเริ่มจากการฉายหนังไทย ตามด้วยหนังฮอลลีวู้ด ต่อด้วยหนังไทยอีกสักเรื่อง หรือไม่บางโอกาสก็เป็นหนังญี่ปุ่นหรือหนังจีน และแน่นอนหนังไม่ได้ดีเด่อะไรนัก ก็แค่หนังบู๊เกรดบีเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่หลักการง่ายๆของการชมคือคุณไม่มีความจำเป็นต้องเข้าใจภาษา แค่ดูภาพและการดำเนินเรื่องก็จะสามารถเข้าใจและสนุกไปกับเนื้อเรื่องได้ ผมมักจะนั่งชมหนังเอาบันเทิงพวกนั้น พร้อมกับที่อาจจะจับใจความภาษาไทยได้สักคำสองคำในแต่ละช่วง แน่นอนที่หนังไทยย่อมจะต้องฉายเป็นเสียงภาษาไทย แต่ก็ไม่เสมอไปนักกับภาพยนตร์ต่างประเทศ บางเรื่องพากย์ไทยทับ หลายครั้งการพากย์มีคุณภาพต่ำ หรือไม่หนังก็ถูกอัดเสียงทับซ้ำมาหลายรอบ ทันทีที่ตัวแสดงพูด เสียงในแบคกราวนด์และเพลงก็หายไป และถูกแทรกทับด้วยเสียงภาษาไทย
จากการเรียนรู้จากดาราไปยังทำงานร่วมกับดารา
ในบางครั้งการพากย์ก็เลวร้ายมาก เพราะหนังเรื่องนั้นอาจใหม่เกินไปจนไม่มีเวลาพากย์ และเมื่อนั้น รถฉายหนังก็จะถูกแปลงร่างเป็นบูทพากย์ไปในตัว ด้วยผลลัพธ์อันน่าสะพรึงที่คนพากย์ไม่ได้ยี่หระต่อเนื้อหาตามบทเลย หลังจากการกระหน่ำยิงอย่างจัดเต็มด้วยปริมาณพืชผักผลไม้ กับบทพากย์ภาษาไทยระหว่างตัวละคร “น่าเสียดาย ผลไม้พวกนั้นช่างน่ากินยิ่งนัก” ตามมาด้วยนักแสดงอีกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยว่าไม่มีอะไรจะรสชาติดีไปกว่าทุเรียน ซึ่งมันไม่มีอะไรตรงกับเนื้อหาบนจอ แต่ก็พอจะเรียกเสียงหัวเราะได้จากผู้ชม อย่างไรก็ดี การดูหนังคือวิธีหนึ่งในการเรียนรู้ภาษา และการฝึกฝนโครงสร้างความเข้าใจ มันได้พิสูจน์ให้เห็นว่าวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนภาษาคือการฟังเพลง ดูทีวี และชมภาพยนตร์ บทพูดซ้ำๆค่อยๆทำให้เราสามารถจดจำคำศัพท์ได้ ดังนั้นวิธีที่ง่ายในการฝึกทักษะภาษาไทยของผมคือ การอบรมภาษาอย่างต่อเนื่องหกอาทิตย์ในชั้นเรียน ตามมาด้วยการดูหนังเชยๆอย่างต่อเนื่อง ส่วนมากก็พวกหนังบู๊ และนั่นก็ทำให้ผมได้เรียนภาษาจากการชมภาพยนตร์จำนวนหลายเรื่อง ที่ฉายหนังของหนึ่งในนักแสดงชื่อดังผู้หนึ่งมานาน ก่อนที่จะมีโอกาสได้เจอะตัวจริง และได้ร่วมงานกับเขาในที่สุด เขาผู้นั้นที่ชื่อคุณสรพงศ์ ชาตรี