ถนนไปติติกากา
มีทะเลสาบซ่อนตัวสูงอยู่ในเทือกเขาแอนดีส ทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้ ทอดตัวกั้นเขตแดนระหว่างประเทศเปรูและโบลีเวีย สำหรับอุทกวิทยาสติเฟื่องแบบผม สายน้ำไหลรวมตัวจากแม่น้ำ 27 สาย และกวาดพื้นที่ราว 58,000 ตารางกิโลเมตรซึ่งใหญ่กว่าประเทศเนเธอร์แลนด์ หรือเบลเยียม หรือสวิตเซอร์แลนด์ และทะเลสาบมีขนาดใหญ่กว่าประเทศบรูไน ลักแซมเบอร์ก และสิงคโปร์รวมกัน ติติกากาคือชื่อของมัน และถึงแม้มันอยู่ที่ความกดอากาศเกือบจะถึง 4,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มันก็ยังถูกก่อกวนจากมนุษยทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะจากมวลขยะ ตามมาด้วยสภาวะโลกร้อน
ทะเลสาบสามารถเข้าถึงได้จากหลายทาง แต่หนึ่งในเส้นทางที่สวยที่สุดคือถนนจากคุซโกไปปูโน หรือที่เรียกกันว่าเส้นทางแห่งอาทิตย์ ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาทั้งวันในการเดินทาง รถโดยสารจะหยุดพักหลายจุดตามเส้นทางเพื่อให้แวะชมทัศนียภาพในเมืองเล็กๆ ตลาด และพิพิธภัณฑ์หนึ่งหรือสองแห่ง หนึ่งในสถานที่ที่สวยงามที่สุดคือถนนที่ทอดตัวยาว สูงบนเทือกเขา เหน็บหนาวปกคลุมด้วยหิมะช่างน่าตื่นใจ La Raya Pass เส้นทางที่สูงสุดในภูมิภาค
หนึ่งในจุดหยุดชมจุดแรกๆ คือโบสถ์ซานเปโดรแห่งแอนดาฮวยลิลลาสในเมืองเก่าเล็กๆ ที่สวยงามที่ชื่อเดียวกัน มีตลาดกลางเมืองตั้งอยู่หน้าโบสถ์ และคุ้มค่าพอที่จะใช้เวลาสักครึ่งชั่วโมงในการเที่ยวชม โบสถ์เล็กแห่งนี้สร้างในช่วงต้นปีคริสตศักราช 1600 ประดับตกแต่งภายในอย่างสวยงามด้วยกระจกสีและเพดานเพ้นท์ลายอย่างวิจิตร
จุดหยุดชมต่อไประหว่างทางคือไซต์ทางโบาราณคดีของราคจิ ซากปรักหักพังที่หลงเหลืออยู่ของวัดขนาดใหญ่มหึมาที่มีความยาวถึง 3,000 ฟุต คือประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงครั้งหนึ่งของความรุ่งเรืองขององค์ทวยเทพแห่งอินคา ในพื้นที่เดียวกันยังมีโกดังอีกเกือบ 200 โกดังที่สร้างจากหินซึ่งบางส่วนได้รับการบูรณะใหม่ ในขณะที่ส่วนที่เหลือคงหลงเหลือแค่ซากเสาและฐาน
จุดพักชมจุดที่สามและเป็นจุดสุดท้ายคือเมืองเล็กๆ ที่ชื่อปูคารา บ้านแห่งโบราณคดีซึ่งย้อนวันไปกว่า 6,000 ปี พิพิธภัณฑ์ Museo Litico de Pucara ถึงแมัว่าจะมีขนาดเล็ก แต่มีเครื่องใช้ไม้สอยในสมัยโบราณและรวมถึงสิ่งก่อสร้างและสถาปัตยกรรม และเครื่องเซรามิก
เกาะกกและการเดินทางด้วยเรือ
ปูโนตั้งอยู่บนความกดอากาศมากกว่า 3,800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เต็มครึ่งกิโลเมตรสูงกว่าคูซโก เมืองที่ผมได้สัมผัสอาการป่วยจากความกดอากาศเป็นครั้งแรก โชคดีที่รอบนี้ผมเตรียมยาไว้พร้อมหลังจากคืนนั้นที่นอนไม่หลับและเกือบตายเพราะหายใจไม่ออก และผมหวังอย่างยิ่งว่าจะไม่ต้องประสบปัญหาแบบเดียวกันอีก โชคร้ายความหวังมล้มลายเมื่อตอนตีหนึ่ง ผมสะดุ้งตื่นหายใจติดขัด แต่ไม่ได้ตระหนกนักเหมือนครั้งแรกที่เกิด เอื้อมคว้ายากรอกเข้าปาก เรียกสติคืน ภายในยี่สิบนาทีผมก็หลับสนิทได้อีกครั้ง
เช้าวันต่อมาผมเดินระยะใกล้ไปสถานีรถโดยสาร ที่ผมจะนั่งไปท่าเรือและเริ่มต้นการผจญภัยกับการใช้เวลาที่ทะเลสาบทิทิกากา มีหลายตัวเลือกกับทริปที่เริ่มต้นจากปูโน ไม่ว่าจะครึ่งวัน เต็มวัน และหลายวันต่อเนื่อง แบบหลังนี่จะได้พักบนเกาะกก (reed island) เกาะซึ่งเกิดจากการจำลองสร้าง เลียบชายฝั่งใกล้ปูโน ก่อร่างจากโทโทรา กกลอยน้ำตัดเล่นระดับเป็นพุ่มหนา หมู่เกาะเล็กๆวั ดพื้นที่คร่าวๆ ได้ประมาณ 225 ตารางเมตร ถูกสร้างและอยู่อาศัยโดยชาวอูรอซ หมู่เกาะอยู่คงสภาพด้วยการคอยอัดเติมชั้นด้วยกก กระท่อมบนแต่ละเกาะเป็นที่พำนักพักพิงของครอบครัวขนาดใหญ่ แม้แต่นักท่องเที่ยวจะถูกพามายังบ้านลอยน้ำด้วยเรือยนต์ หนึ่งในไฮไลท์ของการเที่ยวชมหมู่เกาะคือการทัวร์แบบสั้นๆ ในเรือกกทอง
ผู้ชายถักที่ระดับเหนือน้ำทะเล 4000 เมตร
จากหมู่เกาะกกใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมงไปยังเกาะทาควิล (Taquile Island) เกาะซึ่งมีพื้นที่เพียง 5.5 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรอาศัยอยู่เพียง 2,200 คน ซึ่งรูัจักกันในชื่อ ชาวทาควิลนอส พวกเขามีชื่อเสียงในทักษะฝีมือการถักทอผ้า และจะเป็นผู้ชายเท่านั้นที่นิตติ้ง และทักษะชั้นยอดนี้ได้รับการยกย่องในปีค.ศ. 2005 โดยยูเนสโก ซึ่งถูกบันทึกไว้เป็นส่วนหนึ่งของผลงานศิลปะชั้นเลิศ – the Masterpieces of Oral and Intangible Heritage of Humanity จตุรัสกลางเมืองของเมืองเล็กๆ นี้เป็นที่ตั้งของตึกใหญ่สองชั้นที่รวมผลิตภัณฑ์งานฝีมือ งานแกะสลัก และพื้นที่จัดนิทรรศการ ด้านหนึ่งของจตุรัสสามารถมองเห็นทะเลสาบทิทิกากาที่สวยงามน่าประทับใจ การเดินเล่นจากท่าเรือไปยังจตุรัสเมือง ทอดน่องไปช้าๆ ที่ระดับความกดอากาศ 4,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ที่ดีที่สุดคือการเดินรับลมไปตามชายฝั่ง ทางขึ้นไป เพราะทางเดินขึ้นไปอีกด้านหนึ่งอีกด้านของเกาะชันมากตามโขดหิน
หลังจากไปที่หมู่บ้านเรากลับไปที่เรือและพวกเราเริ่มเดินทางกลับสู่ปูโน บ่ายแก่แล้วตอนที่เราข้ามทะเลสาบและเข้าใกล้เมืองมากขึ้น มองเห็นควันพวยพุ่งจากหนึ่งในหมู่เกาะกก ซึ่งเป็นการเตรียมสร้างชั้นผนังกกใหม่ พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว เราผ่านเกาะเล็กๆอีกแห่งก่อนที่จะถึงหมู่เกาะกกที่ยูรอซ วันที่ยาวนานซึ่งเต็มไปด้วยการผจญภัยและเดิน ในวันถัดไปผมจะเดินทางต่อไป ด้วยการนั่งรถข้ามชายแดนไปยัง ลา ปาซ เมืองหลวงของโบลิเวียร์ (the capital of Bolivia, La Paz) ฉากเงาดำตัดกับท้องฟ้ายามเย็นของผู้สัญจร บางคนกำลังมองภาพวิวเมืองปูโน ในขณะที่่คนอื่นๆนั่งมองผิวน้ำที่นิ่งสงบของทะเลสาบทิทิกากาอย่างเงียบๆในภวังค์