โอกาสอาบน้ำครั้งสุดท้ายก่อนชิลี
เช้าวันใหม่ที่รีบเร่ง เช้าก่อนอาทิตย์จะแตะขอบฟ้าเสียอีก เราคาดหวังว่าจะได้รับประทานอาหารเช้าไม่เกินหกโมงเช้า และออกเดินทางในเวลาหกโมงครึ่ง ภายใต้ความมืดที่ไร้กระแสไฟฟ้า เราทำอะไรต่อมิอะไรเท่าที่ไฟฉายจะอำนวยความสว่างและแพ็คสัมภาระเพื่อเดินทาง ยังง่วงอยู่และไม่มีความคิดที่จะอาบน้ำในอุณหภูมิเกือบศูนย์องศา พวกเราเดินไปยังห้องอาหาร หลายโต๊ะถูกจัดเตรียม นักเดินทางกลุ่มหนึ่งนั่งรับประทานอาหารเช้าใกล้เสร็จแล้ว ส่วนอีกโต๊ะก็คือพวกเรา จาน ถ้วย อุปกรณ์ครบ แต่ไม่มีอาหาร กาน้ำร้อนตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งของโต๊ะ เรามองหากาแฟและชา ในที่สุดก็เจอชาให้ชง ไม่มีเสียงใดๆจากครัว และแน่นอนไม่มีกลิ่นการปรุงอาหารใดๆโชยมา ในอีกด้านของตึก มีใครบางคนกำลังเดินมาพร้อมแผ่นขนมปัง พวกเรารอต่อไป ได้รับการยืนยันจากคนขับว่ายังมีอาหารมาเสิร์ฟอีก รอต่อไปอย่างเงียบๆ อีกกลุ่มรับประทานอาหารเสร็จแล้วลุกไป พวกเรายังนั่งรอต่อ หลังจากรอคอยอย่างยาวนาน ผมลุกเดินไปดูในครัวและพบว่าไม่มีผู้ใดอยู่ในนั้น นอกจากกาน้ำร้อนที่กำลังต้มน้ำอยู่บนเตา ผมแจ้งไกด์ผู้พยายามหาอาหารทดแทนจากตู้กับข้าวและชั้นในครัว ไม่ช้าเขาก็กลับมาพร้อมของกินบางอย่าง ตั้งบนโต๊ะ แล้วพวกเราก็จัดการกับอาหารตรงหน้า บอกตามตรงไม่มีใครหิวอย่างจริงจัง แป้งลงท้อง สำรองพลังงาน ยกกระเป๋าเตรียมพร้อมเดินทางในแสงรุ่งอรุณ ยกสัมภาระขึ้นหลังคารถแพ็คเก็บทุกอย่างเรียบร้อย มันจะเป็นวันที่ยาวนาน หลายสถานที่่ต้องแวะเที่ยวก่อนข้ามเขตแดนไปชิลี ต้องประทับตราออกจากโบลิเวียร์ก่อนเที่ยง หรือไม่งั้นก็ต้องรออีกสองชั่วโมงกับการพักนอนกลางวัน ถ้าพวกเราจะโชคดีได้รับการช่วยเหลือใดๆ
ซัลวาดอร์ ดาลีในทะเลทราย
ไม่มีการบ่นแต่อย่างใด พวกเราขึ้นรถซึ่งเป็นที่เดียวที่อุ่น และในขณะที่ดวงอาทิตย์คืนคลานแตะขอบฝ้าอย่างช้าๆ แผ่รังษีอุ่นอาบทับความเย็นและแห้งแล้งของพื้นดิน เราเริ่มเดินทางสู่ทะเลทรายซัลวาดอร์ดาลี ก่อนถึงจุดหมายเราผ่านทะเลสาบแห่งสุดท้าย ทะเลสาบซึ่งเปลี่ยนเป็นสีเขียวเมื่อถึงช่วงเวลาของปี แต่ตอนที่เรามาถึงมันยังเย็น ราบเรียบ และไม่ต่างจากบ่อน้ำอันมืดมิด
“เดือนธันวาคม” เขาบอกพวกเรา ถึงจะเป็นเวลาที่ได้เห็นมันเต็มไปด้วยสีสรรผลลัพธ์จากสาหร่ายอัลแกร์ที่เจริญงอกงามในช่วงฤดูร้อน เราปีนสูงขึ้นไปบนเขา เคลื่อนตัวจากความระดับความสูง 4,300 เมตรไปยัง 5,300 เมตร ก่อนจะย้อนลงไปอีกครั้ง (ฐานค่ายเอเวอเรสค์ อยู่ที่ 4,500 เมตร) การขับรถข้ามทะเลทรายเป็นสิ้งที่น่าสนใจมากและเหมาะเจาะลงตัวกับชื่อของมัน สวยงามเสมือนจริงดั่งภาพวาดของซัลวาดอร์ ดาลี
น้ำพุร้อน
จากทะเลทรายเราเดินทางต่อไปยังที่ซึ่งโปรโมทเป็นไฮไลท์ของทริปช่วงเช้า บ่อน้ำพุร้อนที่พร้อมให้บริการแช่ตัว เราใช้เวลาขับรถข้ามดินแดนว่างเปล่าไปอีกพักก่อนจะข้ามและลงจากเขาในที่สุด มองลงมาจากเขาเบื้องล่างที่เห็นคือน้ำพุร้อนบ่อเล็กๆผุดขึ้นมาจากพื้นผิวดิน เราจอดรถห่างจากโคลนร้อนและน้ำพุเดือด ถูกเตือนให้ระวังอันตรายจากแผ่นดินถล่ม และจำเป็นอย่างยิ่งที่ควรอยู่เฉพาะบริเวณเส้นทางที่แนะนำ เดินเล่นไปสักพัก ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกตามจำเป็นและต่อไปยังจุดอาบน้ำ เมื่อขับถึงเราเห็นผู้คนจำนวนมากจุ่มตัวแช่บ่อน้ำพุอย่างแน่นขนัด เหงื่อชุ่มชุดว่ายน้ำที่ให้เช่า มีร้านกาแฟเล็กๆกับโต๊ะและเก้าอี้นั่งสบาย สำคัญสุด มันมีกระแสไฟฟ้า ผมหย่อนตัวลงนั่ง มีความสุขกับกาแฟและได้ชาร์จแบ็ตเสียทีแทนที่จะเปลี่ยนชุดแล้วหย่อนตัวลงอาบน้ำในบ่อที่ให้บริการซ้ำๆไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
วิ่งไปชายแดน
ดื่มกาแฟหมดแก้ว กลับมารวมกลุ่มและออกเดินทางกันอีกครั้ง ไม่มีใครในกลุ่มเราลงแช่น้ำร้อนเพราะพวกเราอยากจะเร่งให้ถึงชายแดนก่อนกลุ่มอื่นนมากกว่า มันน่าสนใจที่ได้เห็นพ่นฝุ่นในทิศทางต่างๆ ที่บอกถึง รถโฟร์วิลอื่น ๆ ที่ขับมุ่งตรงไปยังปลายทางเดียวกัน ตึกเล็กๆที่ตั้งอยู่ใต้หุบเขา มันเกือบจะดูเหมือนแข่งกับเส้นชัยด้วยรถที่มาจากหลายทิศทาง และเหมือนจะเป็นความภูมิใจของคนขับอย่างยิ่งที่จะพาพวกเราถึงชายแดนโบลิเวียร์เร็วที่สุดและผู้โดยสารตัวกระแทกกันน้อยที่สุด เราเลื่อนถึงจุดที่ไม่ไกลจากอาคารนักและใช้เวลาไม่นานกระเป๋าสัมภาระได้ถูกลำเลียงส่งลงมาจากหลังคารถ เรามาถึงตามที่คาดไว้และมีเวลาอีกมาก ยังมีคนรอไม่เยอะนัก อำลาไกด์ที่ขับมาส่งพวกเราและเดินเข้าไป ภายในเวลา 20 นาทีผมออกมาจากอีกด้านของอาคารและถูกบอกทางไปขึ้นรถบัสที่จอดรออยู่ ผมละทิ้งประเทศโบลิเวียร์อย่างเป็นทางการไว้เบื้องหลัง แต่จะใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนจะถึงเขตแดนของประเทศชิลีในซานเปโดรเดออาทาคามา