การวิ่งที่ฟลอเรส
ผมเคยไปบัวโนสไอเรสมาก่อนเมื่อ 25 ปีที่แล้วในปี 1992 ครั้งนั้นผมนำทีมผลิตรายการโทรทัศน์เล็กๆ จากไทยและพวกเราสร้างรายการหลายตอนซึ่งมีความยาว 8 นาทีเกี่ยวกับเรื่องราวแปลกประหลาดจากต่างประเทศ พวกเราเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอล เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เพื่อพูดถึงไดโนเสาร์ ไปดูหลุมฝังศพเอวิต้า ร่วมรับประทานอาหารค่ำพร้อมดูโชว์การเต้นรำ ผมตั้งตารอไปสำรวจเมืองอีกครั้งเพื่อจะดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างในตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก แน่นอนว่าการจราจรพัฒนาขึ้นบ้าง และมีตึกสูงๆ ผุดขึ้น แต่โดยรวม เมืองยังคงเดิม ทันสมัย ไม่เก่าและน่าเบื่อ เดินทางมาถึงสถานีกลางรถไฟและรถทัวร์จากเม็นโดซา ผมพยายามหาทางไปอพาร์ทเม้นท์ที่ผมจะเข้าพักอีกสองสามคืน ผมไปสถานีรถไฟใต้ดิน ว่าจะนั่งรถไฟไปแทนการเดินอีก 7 กิโล (การเดินเป็นระยะทาง 7 กิโลนั้นไม่มากอะไรสำหรับผมซึ่งใช้เวลาเพียงชั่วโมงเดียว แต่ผมไม่อยากจะทำเช่นนั้นเมื่อต้องลากกระเป๋าสัมภาระไปด้วย) ตอนแรกผมขึ้นรถผิดทาง แต่ในที่สุดก็กลับมาถูกสถานีจนได้ มันเกือบเที่ยงแล้วตอนผมมาถึงที่พัก ผมกดกริ่ง ประตูเปิดให้เข้าไปยังอพาร์ทเม้นท์เล็กๆที่สะดวกสบาย เต็มไปด้วยหนังสือและนิตยสารซึ่งทั้งหมดเอนเอียงไปทางแนวคิดฝั่งซ้าย ผมได้เข้าสู่โลกของคนที่พูดได้หลายภาษา และมีใจชอบศิลปะ มีแนวความคิดของความเท่าเทียมของคนตามระบอบคอมมิวนิสต์ และเป็นมัคคุเทศก์ส่วนตัวที่ให้คำแนะนำและความรู้เกี่ยวกับสิ่งสำคัญต่างๆในบัวโนสไอเรสยังยอดเยี่ยม
(ผมสงสัยระดับการอุทิศต่อความเชื่อระบอบคอมมิวนิสต์ของเขา และได้รับคำตอบว่าแน่นอนมันไม่ใช่เป้าหมายที่จะดึงรั้งตนเองให้ต่ำลงไปอยู่ระดับไพร่ แต่ในทางกลับกันคือการดึงกลุ่มขี้ข้าให้ขึ้นมาเท่าเทียมกับจำพวกชนชั้นกลาง… คิดเอาเอง) เจ้าบ้านของผมมาเที่ยวร่วมกับผมและบ่ายนั้นพวกเราก็ได้ทัวร์เดินชมเมืองสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และละแวกเล็กๆ ของเมือง
ช้าลงหน่อย!!! การเดินทางควรจะผ่อนคลาย!
ผมเดินเยอะ และเดินเร็ว แถมบ่อยครั้งก้าวไวเกินจนต้องหยุดรอคนอื่นๆ ในกลุ่มเพื่อให้ตามทัน – โทษขาผมแล้วกันที่ยาวเกินหรือเพราะผมไม่อดทนหรืออะไรก็ตาม ผมแค่ไม่ชอบเดินทอดน่องเนิบนาบเหมือนที่บางคนทำเวลาเดินในห้างหรือตามถนน บนฟุตบาทของเมืองหลักๆ แล้วก็หยุดเดินกระทันหันทำให้คนที่เดินอยู่ข้างหลังเกือบจะพุ่งหลาวชน (จริงแท้ยิ่งนักโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่ซึ่งบ่อยครั้งการขยับเอี้ยวไปทางซ้ายหรือขวาช่วยชีวิตผมจากการล้มหน้าคะมำใส่คนตรงหน้าที่ตัดสินใจจะหยุดก็หยุดซะงั้นกลางทางเดินอย่างไร้เหตุผล) แต่ในครั้งนี้เป็นผมเสียเองที่ต้องเร่งฝีเท้าเพราะพวกเราเดินก้าวเดินเร็วแทบหายใจไม่ทันไปตามทางฟุตบาทของบัวโนสไอเรสจากละแวกหนึ่งไปอีกละแวก ผมสนุกสนานไปตลอดทาง เราเที่ยวชมสวนสาธารณะ ได้เห็นตึกบางแห่งที่สำคัญๆ หรือแม้กระทั่งการเยี่ยมชมตึกไปรษณีย์เก่าที่ตอนนี้ได้ปรับเป็นตึกสำหรับแสดงคอนเสิร์ตและตึกศิลปะเพื่อฟังการแสดงเปียนโนจากศิลปินนักเปียนโนหน้าใหม่ไฟแรง อากาศดี และเพื่อนและบทสนทนาก็ราบรื่น มันเกือบจะสี่ทุ่มตอนคอนเสิร์ตเล่นจบ และผมรู้สึกหิวเล็กน้อย พวกเรายังไม่ได้กินอาหารมื้อค่ำ แค่หยุดกินสแน็คเล็กๆ น้อยๆ และกาแฟตอนหกโมงเย็น ผมสังเกตเห็นป้ายยักษ์สำหรับฟาสต์ฟู้ดที่มีสาขาแทบจะในทุกมุมโลกแล้วหัวเริ่มคิดถึงเบอร์เกอร์น้ำมันเยิ้มกับเฟร้นฟรายส์ก็ยิ่งทำให้หิว ผมแปลกใจเมื่อเจ้าบ้านหันมาถามว่าจะหาอะไรดื่มกันก่อนกินมื้อค่ำมั้ย
“มื้อค่ำ?” คือคำถามของผม “ตอนนี้?” ผมได้รับการยิ้มแบบลึกลับ แล้วพวกเราก็วิ่งควบด้วยความเร็วเท่าเดิมกับที่เราใช้มาตลอดไปยังอีกที่ของเมือง (ด้วยความเร็วของเราที่แทบจะวิ่งเร็วกว่ารถและรถราง)
ชาวอาร์เจนตินาเข้าใจฉัน – นอน 2 โมง ตื่น 10 โมง – สมบูรณ์แบบ
เราเดินผ่านวงเวียนและมาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ยังเปิดอยู่ หรือที่ผมคิดว่างั้น เดินเข้าไป มีลูกค้าอยู่ไม่กี่คน บ้างก็ดื่มกาแฟ เครื่องดื่มอื่นๆ และผมคิดว่าอาหารค่ำมดสิ้นแล้ว เราสั่งเครื่องดื่ม และผมแปลกใจตอนมีเมนูมาให้และมีการถามเราว่าอยากจะสั่งอาหารมื้อค่ำมั้ย ผมคิดว่าเราหน้าจะได้มาถึงเพียงในช่วงสุดท้ายก่อนที่ห้องครัวจะปิด ยังพอทันที่จะสั่งอะไรเล็กๆ หน่อย ๆ จากครัว เมื่อผมสำรวจรายการในเมนูมีลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ก็เริ่มทยอยเข้ามา พวกเขาแต่งตัวเหมือนเพิ่งกลับจากโบสถ์ แล้วอีกกลุ่มก็ตามมาตอนที่พวกเราสั่งอาหาร เพื่อนผมในที่สุดก็เปิดเผยความจริงว่าในอาร์เจนตินาหรืออย่างน้อยก็ที่บัวโนสไอเรส จะยังไม่ถึงมื้อค่ำจนกว่าจะสี่ทุ่มหรือดึกกว่านั้น และการไปเที่ยวบาร์หรือคลับตอนเที่ยงคืนยังถือว่าเป็นช่วงต้น ได้ยินแบบนี้แล้ว ผมยิงชอบ ผมชอบที่จะออกไปตอนดึกๆ ตราบเท่าที่ตอนเช้าให้ผมตื่นสายได้
อาหารมื้อค่ำช่างดีงามและรื่นรมย์ใจ และเมื่อเราสั่งเช็คบิล มีแถวเล็กๆ รอโต๊ะอยู่ด้านนอกร้านอาหารคนเต็มเอียด และเกือบจะห้าทุ่มครึ่งเข้าไปแล้ว อากาศเริ่มจะเย็นลง และเราก็เดินกลับมาที่อพาร์ทเม้นท์ ขาผมถึงแม้จะยังไม่ประท้วงอะไร แน่นอนว่ามันจะสำนึกขอบคุณหากได้พักอย่างเต็มตื่นก่อนจะประท้วงอีกรอบในวันรุ่งขึ้น ผมมีแผนการณ์หลายอย่าง และทุกอย่างที่จะทำก็ต้องใช้กำลังขาเดินอย่างมาก และความสามารถที่จะเคลื่อนย้ายมันก็ชวนให้นึกถึงพื้นฐานการเต้นแทงโก้