การผัดวันประกันพรุ่งอาจมีราคาแพง

28 ชั่วโมงบนรถบัส …

มีบางครั้งในการเดินทางที่ผมเสียใจกับการผลัดวันประกันพรุ่ง และวันถัดมาก็เป็นหนึ่งในนั้น ก่อนหน้าที่จะเริ่มทริปไปอูยูนิ ผมค้นหาตั๋วเครื่องบินจากซาน เปโดร เดอ อทาคามา ไปซันติอาโก ชีลี ผมเจอหลายที่นั่งและราคาดีมากราว 60-80 เหรียญฯ สำหรับตั๋วเที่ยวเดียว ผมชะลอการซื้อที่นั่งเหล่านั้นเพราะยังไม่แน่ใจในตารางการเดินทางและเมื่อผมมีเวลานั่งและเตรียมยืนยันที่นั่งไปซานดิเอโกในที่สุด ราคาตั๋วพุ่งทะลุไปถึง 200 เหรียญฯ สำหรับเที่ยวเดียว ผมหาตั๋วราคาอื่นจากสนามบินใกล้เคียง (ใกล้สุดคือ 100 กิโลเมตรห่างออกไป) แต่พบว่าราคาแพงเกินไป และในที่สุดผมก็ยอมรับความจริง ผมต้องนั่งรถทัวร์ไปตามเส้นทางเลียบชายฝั่งชิลีจากซาน เปโดร ไปซานดิเอโก และถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่การเดินทางโดยรถทัวร์อย่างต่อเนื่องที่นานที่สุดที่ผมเคยมีในการเดินทาง แต่เวลา 28 ชั่วโมงนั้นก็แทบจะที่สุด

 

 

 

 

 

 

ผมเอร็ดอร่อยกับอาหารเช้าที่ร้านอาหารเดิมที่ผมเจอร้านแรก ชิลีเหนือเป็นพื้นที่ห่างไกลความเจริญและมีเพียงเมืองใหญ่ๆสองสามเมือง ที่ไม่มีอะไรอื่นนอกเหนือจากเหมืองทองแดง เงิน และไนเตรท เราใช้เวลาหลายชั่วโมงขับผ่านพื้นที่แห้งแล้งนี้ และบางครั้งถึงเห็นรถบรรทุกขนดินดำผ่านไป กองดินขนาดใหญ่สีน้ำตาลดำเป็นทางยาวบนถนน และผมไม่แน่ใจว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นหรือกองเนินทรายที่ลมพัดถม เราขับผ่านเมืองเก่าใกล้เหมือง ขับต่อไปเรื่อยๆจนถึงอันโตฟากัสตา เมืองชายฝั่งในที่สุด Read more...

อ่านต่อไป...

ทะเลทราย อาทาคามา และดวงจันทร์และ NASA

NASA, ดวงจันทร์และ ซาน เปโดร เดอ อาทาคามา

ตื่นเช้าวันถัดไปในซาน เปโดร เดอ อาทาคามา ช่างเป็นประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์ ผมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกินยาแก้แพ้ความกดอากาศ เราลงมาอยู่ที่ระดับ 2,200 เมตรในวันก่อน และมวลอากาศมีอ็อกซิเจนหนาแน่นมากพอที่สมองและร่างกายของผมจะไม่ต้องเหนื่อยล้าโรยรา ไม่มีอะไรที่ผมวางแผนไว้มากนักในสองวันข้างหน้านอกจากทริปช่วงบ่ายไปยังทะเลทรายอาทาคามาและเยี่ยมชมหุบเขาจันทราและหุบเขายมฑูต ผมเดินทางออกจากที่พักของผม ราวสองกิโลเมตรจากใจกลางเมืองไปยังจุดศูนย์กลาง ผมส่องเห็นร้านอาหารน่านั่งที่นั่นในบ่ายวันก่อนอยู่ถัดจากจตุรัสเมือง และตั้งใจอย่างเต็มที่ว่าจะไปรับประทานอาหารมื้อสายที่นั่น ผมจัดการชาร์จแบตได้ในที่สุดและตัดสินใจว่าจะถ่ายรูปและเขียนบันทึกอะไรบ้างเสียหน่อยก่อนที่จะไปทัวร์ในช่วงบ่าย

 

ความแตกต่างระหว่าง “อยาก” กับ “ต้อง”

ผมใช้เวลาส่วนหนึ่งสำรวจถนนเส้นเล็กๆในพื้นที่รอบๆจตุรัสเมือง พื้นที่ซึ่งจัดให้เต็มที่แก่การท่องเที่ยวและผู้มาเยือน โรงแรมราคาประหยัด ร้านค้า ธนาคารสาขาย่อย และสิ่งอื่นๆที่จำเป็นสำหรับชีวิตนักท่องเที่ยว ผมได้ซิมมือถือใหม่ และหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้อันแสนสบายที่โต๊ะและสั่งอาหาร อาหารจริงๆจังๆ จากเมนูเป็นเล่ม จบมื้อด้วยกาแฟดีๆพร้อมนมแท้ๆอีกถ้วย เมื่ออาหารละลายในปากและกาแฟทำให้สภาพผมกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง ผมได้ตระหนักว่าหลายอย่างแค่ไหนที่เราได้มองข้ามคุณค่า และหลายสิ่งจริงๆคือความสุขที่เติมเต็มชีวิตให้หรูหรา ตลอดสี่วันอาหารดีงาม ยกเว้นมื้อเช้ามื้อหนึ่งที่ไม่แน่ใจนัก พวกเรารับประทานอาหารอย่างเต็มอิ่ม ไม่มีใครหิวโหยท้องกิ่ว หมายความเราไม่ต้องการอะไรอื่นมากไปกว่าที่เราบริโภคกันไปแล้ว แต่ก็นะผมยังสั่งอาหารจานพวกนั้นที่ถ้าผมคิดถึงมันในขณะที่อยู่ในทะเลทรายจะทำให้น้ำลายสอ Read more...

อ่านต่อไป...

ภูมิประเทศ เหมือนภาพวาดในโบลิเวีย

 

 

โอกาสอาบน้ำครั้งสุดท้ายก่อนชิลี

เช้าวันใหม่ที่รีบเร่ง เช้าก่อนอาทิตย์จะแตะขอบฟ้าเสียอีก เราคาดหวังว่าจะได้รับประทานอาหารเช้าไม่เกินหกโมงเช้า และออกเดินทางในเวลาหกโมงครึ่ง ภายใต้ความมืดที่ไร้กระแสไฟฟ้า เราทำอะไรต่อมิอะไรเท่าที่ไฟฉายจะอำนวยความสว่างและแพ็คสัมภาระเพื่อเดินทาง ยังง่วงอยู่และไม่มีความคิดที่จะอาบน้ำในอุณหภูมิเกือบศูนย์องศา พวกเราเดินไปยังห้องอาหาร หลายโต๊ะถูกจัดเตรียม นักเดินทางกลุ่มหนึ่งนั่งรับประทานอาหารเช้าใกล้เสร็จแล้ว ส่วนอีกโต๊ะก็คือพวกเรา จาน ถ้วย อุปกรณ์ครบ แต่ไม่มีอาหาร กาน้ำร้อนตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งของโต๊ะ เรามองหากาแฟและชา ในที่สุดก็เจอชาให้ชง ไม่มีเสียงใดๆจากครัว และแน่นอนไม่มีกลิ่นการปรุงอาหารใดๆโชยมา ในอีกด้านของตึก มีใครบางคนกำลังเดินมาพร้อมแผ่นขนมปัง พวกเรารอต่อไป ได้รับการยืนยันจากคนขับว่ายังมีอาหารมาเสิร์ฟอีก รอต่อไปอย่างเงียบๆ อีกกลุ่มรับประทานอาหารเสร็จแล้วลุกไป พวกเรายังนั่งรอต่อ หลังจากรอคอยอย่างยาวนาน ผมลุกเดินไปดูในครัวและพบว่าไม่มีผู้ใดอยู่ในนั้น นอกจากกาน้ำร้อนที่กำลังต้มน้ำอยู่บนเตา ผมแจ้งไกด์ผู้พยายามหาอาหารทดแทนจากตู้กับข้าวและชั้นในครัว ไม่ช้าเขาก็กลับมาพร้อมของกินบางอย่าง ตั้งบนโต๊ะ แล้วพวกเราก็จัดการกับอาหารตรงหน้า บอกตามตรงไม่มีใครหิวอย่างจริงจัง แป้งลงท้อง สำรองพลังงาน ยกกระเป๋าเตรียมพร้อมเดินทางในแสงรุ่งอรุณ ยกสัมภาระขึ้นหลังคารถแพ็คเก็บทุกอย่างเรียบร้อย มันจะเป็นวันที่ยาวนาน หลายสถานที่่ต้องแวะเที่ยวก่อนข้ามเขตแดนไปชิลี ต้องประทับตราออกจากโบลิเวียร์ก่อนเที่ยง หรือไม่งั้นก็ต้องรออีกสองชั่วโมงกับการพักนอนกลางวัน ถ้าพวกเราจะโชคดีได้รับการช่วยเหลือใดๆ

 

ซัลวาดอร์ ดาลีในทะเลทราย

ไม่มีการบ่นแต่อย่างใด พวกเราขึ้นรถซึ่งเป็นที่เดียวที่อุ่น และในขณะที่ดวงอาทิตย์คืนคลานแตะขอบฝ้าอย่างช้าๆ แผ่รังษีอุ่นอาบทับความเย็นและแห้งแล้งของพื้นดิน Read more...

อ่านต่อไป...

นกกระเรียน ขนนก เทือกเขาแอนดีสโบลิเวีย

 

 

ยึดติดกับชีวิตในภูมิประเทศที่แห้งแล้ง

จากกระท่อมคนแคระเราออกเดินทางต่ออีกครั้งตั้งแต่เช้ามืดของวันรุ่งขึ้น อีกหนึ่งวันอันยาวนานกับระดับความสูงเหนือระดับน้ำทะเลในสภาพภูมิอากาศที่แห้งมาก หลังจากขับรถนานราวหนึ่งชั่วโมงกว่า เราได้เข้าสู่เขตแดนที่แตกต่าง พื้นผิวผลึกเกลือกลายเป็นเศษฝุ่นและผงละอองไกลตา และในบัดดลทัศนียภาพสลับเปลี่ยนเป็นยอดเขาเล็กๆ แผ่ขยายอยู่เบื้องหน้าคือทะเลสาบ ซึ่งเป็นจุดหยุดพักแรกของพวกเรา เรามีทริปเที่ยวทะเลสาบรวมสามแห่งตลอดสองวันข้างหน้า ทะเลสาบสีฟ้าใส เขียวอำพัน และแดงเจิดจรัส แต่ละที่มีพรรณพืชและไม้ดอกนานาพันธ์ุ รวมถึงสัตว์พื้นเมืองเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ถึงแม้จะมีขนาดไม่ใหญ่นักในส่วนของพื้นที่ครอบคลุม แต่ทะเลสาบมีความสำคัญมากต่อการดำรงชีวิตของนกฟลามิงโก สีขนที่สวยสดของพวกมันบ่งบอกได้ถึงสารอาหารที่่ได้รับจากทะเสาบ

 

 

 

 

ทะเลสาบ  นกกระเรียน  และ …

เราใช้เวลาสักพักที่ทะเลสาบแห่งแรก Laguna Hedionda เดินเที่ยวและชื่นชมดูสิ่งต่างๆ เรารู้สึกแปลกใจที่มีน่มีพืชพรรณอยู่ที่นี่ในรูปของหญ้าตามที่เห็นในรูป พืันที่โดยรอบเป็นหินกรวดและทราย แต่ที่นี่มีพิภพเล็ก ๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจและยังมีชีวิตอยู่แม้จะมีสภาพแวดล้อมที่ไม่อำนวย เราเคลื่อนตัวต่อ ข้ามทะเลทรายอีก ค่อยๆปีนไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยไปบนภูเขา

 

 

 

 

เราหยุดที่ทะเลสาบแห่งที่สอง Laguna ColoradaRead more...

อ่านต่อไป...

มุมมองที่แตกต่างกับ Uyuni

 

 

 

ความสวยงามที่น่าอัศจรรย์ในเทือกเขาโบลิเวีย

โรงแรมและริ้วธงห่างออกไปในฉากหลัง กลุ่มควันเล็กๆพัดมวลอยู่ในอากาศตามท้ายขบวนคาราวานสี่ล้อ จากระยะไกลเราสามารถมองเห็นยอดเขาที่ล้อมรอบด้วยนาเกลือ รถสองคันขับแยกทิศกันไป “สำหรับทุุกสิ่งที่ดีกว่า” คนขับกล่าว เพื่อหามุมดีๆที่พวกเราจะได้พักรับประทานมื้อเที่ยงกันอย่างสุขสบายและได้ปลดปล่อยใจไปกับอิสระความงามของพื้นที่เวิ้งว้างสีขาวอันกว้างใหญ่สุดสายตา ก่อนจะเดินทางต่อตลอดวันจนถึงพรุ่งนี้

 

โต๊ะสองสามตัวมาตั้ง พร้อมเก้าอี้นั่งพลาสติก ตามด้วยผ้าปูโต๊ะ ไม้หนีบจีบมุมไม่ให้ผ้าปลิว ในขณะที่เตาปิคนิคถูกนำมาตั้งเพื่อต้มน้ำและปรุงอาหาร ไม่นานนักมื้อกลางวันเราก็พร้อม เต็มไปด้วยสลัดและควินัว ผมได้ถือโอกาสเดินสำรวจเหมืองเกลือ เกลือกอบเป็นกองๆ ปูแนวเป็นถนนเส้นยาวๆ ตากแดดให้แห้งก่อนที่จะเก็บในวันถัดไป ตามที่ผมกล่าวไว้ก่อนหน้า เกลือที่ปกคลุมพื้นที่นี้สามารถเจอได้ทุกที่ในรัศมีที่ลึกลงไปไม่กี่เซ็นติเมตรหรือจะลึกระดับหลายเมตร และเหมืองเกลือยังเป็นรายได้หลักทางเศรษฐกิจ

 

 

เกาะในมหาสมุทรเกลือ

กินเสร็จ ทุกอย่างแพ็คเก็บ แล้วเราก็มุ่งสู่จุดหมายต่อไป เกาะกลางพื้นที่กว้างใหญ่ ซึ่งจริงๆ แล้วคือยอดเขาที่โผล่ทะลุพื้นผิวขึ้นมา และด้วยวิถีประหลาดระคนทึ่ง เหล่าพันธุ์ไม้ไชรากและเบ่งบานอย่างองอาจมุ่งมั่นไม่สยบต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตร ถูกปล่อยให้สำรวจสถานที่ตามอัธยาศัย พวกเราส่วนใหญ่เริ่มปีนไต่ไปตามทางหินขรุขระจนถึงจุดชมวิวบนยอดเขาเล็กๆ

 

 

 

 

จากจุดที่ยืนทอดสายตามองข้ามพื้นที่สีขาวกว้างใหญ่งดงามเกินร้อยเป็นถ้อยคำ ไม่ยากเกินเข้าใจได้ว่าทำไมที่นี่ถึงสะกดเหล่านักท่องเที่ยวให้หลั่งไหลมาเยี่ยมชมหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ธรรมชาติสรรสร้าง ในเดือนกันยายน สภาพภูมิอากาศแห้ง ยังไม่มีฝนตกจนกว่าจะย่างเข้าเดือนมกราคม และถึงแม้จะถึงตอนนั้นฝนก็ตกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเมื่อฝนตกลงมา กองเกลือมหึมาจะถูกทับคลุมด้วยละอองน้ำเป็นชั้นบางๆ และพื้นผิวขนาดยักษ์เปลี่ยนสภาพเป็นกระจกผืนใหญ่ให้ได้ถ่ายเก็บบันทึกภาพประทับใจ (Read more...

อ่านต่อไป...