Salar de Uyuni, Bolivia

Uyuni – เกลือแห่งโลก

หลับตลอดทางสลับกับเด้งจากแรงกระแทกของถนนที่ขรุขระไปทั้งคืน อุณหภูมิลดดิ่ง แต่ผมได้เรียนรู้ที่จะใส่เสื้อผ้าทับหลายชั้นจนอุ่นสบาย เจ็ดนาฬิกาพวกเราเตร็ดเตร่อยู่หน้าสำนักงานทัวร์ที่จะพาเราข้ามซาลา เดอ อูยูนิ (Salar de Uyuni) นาเกลือขนาดใหญ่บนพื้นที่กว้างสุดตา แสงอาทิตย์สาดส่องและกระจายไออุ่นสู่ร่างกายเราอย่างช้าๆ อีกราวหนึ่งขั่วโมงหรือกว่านั้นก่อนที่สำนักงานจะเปิดทำการ กลุ่มคนทั้งหลายฆ่าเวลาด้วยการเดินเล่นสำรวจอูยูนิไปตามจุดต่างๆ ไม่มีอะไรมากนักในตัวเมือง แต่ก็พอมีจุดเที่ยวที่ให้ความรู้สึกสุดขอบโลก

 

 

จตุรัสเมืองเล็กๆที่จัดวางม้านั่งยาวแบบในสวนสาธารณะ ในขณะที่ร้านอาหารต่างๆให้บริการกาแฟและอาหารเช้า มีการจราจรอยู่บ้าง โดยรถราส่วนใหญ่เป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ

ที่นี่เช่นกัน เศษชิ้นส่วนโลหะนำมาประดิษฐ์ใหม่เป็นรูปปั้นน่าสะพรึงสร้างความตระหนกแก่ยวดยานที่ขับผ่านเพื่อจะได้อยู่ภายใต้กฏระเบียบการขับขี่อย่างปลอดภัย ผมเจอร้านอาหารเล็กๆสำหรับกาแฟสักแก้วและเพื่อจะพักชาร์จแบตมือถือ ผมได้เปลี่ยนแบตใหม่ในเอกวาดอร์ แต่มันแย่เสียยิ่งกว่าแบตเดิมที่เคยใช้ และผมก็ต้องคอยชาร์จมันใหม่อยู่เรื่อยๆหลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง

เวลาผ่านไปพอสมควรและในที่สุดก็ถึงเวลากลับมารวมตัวกันที่จุดนัด และนักเดินทางกลุ่มเล็กๆผู้กระตือรือร้นก็ได้เดินสำรวจไปหลายพื้นที่บริเวณรอบๆใกล้สำนักงาน พวกเราเดินทางแบบขบวนคาราวานกลุ่มเล็กๆในชั่วโมงแรกหรือประมาณนั้นไปยังนาเกลือ แต่แบ่งออกเป็นสองกลุ่มที่เล็กลงแยกออกเป็นสองคันรถ พวกเรามีทั้งหมด 11 คนรวมคนขับและผู้ช่วย ซึ่งหมายความว่าต้องอัดกันอยู่บนสองเบาะพับเล็กๆด้านหลังและอีกหนึ่งที่นั่งจริงๆ ในขณะที่คนขับและผู้ช่วยนั่งกันอย่างสบายในตอนหน้า ผมรู้สึกสงสารอีกกลุ่ม ที่ต้องอัดกันถึงหกคน เราแต่ละคนนำน้ำดื่มติดตัวกันมาขั้นต่ำ 6 ลิตร ‘น่าจะพอเพียง’ หรือนั่นก็คือสิ่งที่พวกเราคิดสำหรับอีกสองสามวันข้างหน้า แต่มันกลับไม่ใช่ สัมภาระของพวกเราทั้งหมดถูกย้ายไปเก็บไว้บนตะแกรงหลังคาคลุมทับและรัดแน่น ผมสงสัยว่าทำไม แต่ในไม่ช้าก็เห็นได้ชัดว่าฝุ่นรุนแรงเพราะรถราจำนวนมากที่ขับข้ามเทือกเขาอัลติพลาโน และการที่จะรักษากระเป๋าเหล่านั้นให้ปราศจากฝุ่นไม่ต่างจากฝันร้าย

บ้านสร้างขึ้นจากเกลือ

เราเริ่มทริปกับจุดหมายแรกกระจุกบ้านหรือกระท่อมที่ทำเป็นที่อยู่อาศัยหรือร้านค้าสำหรับชุมชนริมนาเกลือ Read more...

อ่านต่อไป...

สูงขึ้นไปใน Altiplano เมือง ลาปาซ ของโบลิเวีย

ลาปาซ โบลิเวีย

ลาปาซเป็นเมืองที่วิเศษมาก ผมอยากจะใช้คำว่ารังวิหกเพื่อบรรยายที่ตั้งเมืองนี้ แต่มันก็คงไม่ถูกนัก เมืองที่แผ่บริเวณตั้งอยู่ในหุบเขาลึกที่ก่อกำเนิดจากแม่น้ำโชกียาปู (Choqueyapu River) ส่วนกลางของตัวเมืองประกอบด้วยถนนคู่ขนานสายหลักสวนสาธารณะ และจตุรัสเมือง โดยเมืองแผ่ขยายไปตามหุบเขาต่างๆ สนามบินตั้งอยู่บนยอดเขาแคบๆ และเมื่อผมมองเห็นมันจากรถโดยสาร ผมดีใจอย่างยิ่งที่เลือกเดินทางด้วยรถที่ถึงจะใช้เวลายาวนานทั้งวันแทนที่จะบินมา เพราะสำหรับผมแล้ว สิ่งที่เห็นมันดูเหมือนจะไม่มีทางเอาเครื่องลงจอดได้ ผมได้อ่านสองสามวันก่อนออกเดินทาง เหมือนอีกหลายที่ในทวีปอเมริกาใต้ที่ใช้รถกระเช้าเป็นระบบขนส่งมวลชนบรรทุกผู้คนไปยังบางจุดของเมืองและพื้นที่ใกล้เคียงของเอล อัลโต ระบบขนส่งมวลชนนี้ในปี 2017 มีระยะทางยาวถึง 17 กิโลเมตร และวางแผนจะขยายจุดเชื่อมต่อยาวไปถึง 40 กิโลเมตรของระบบขนส่งโดยรถกระเช้าหรือ เทเลเฟอริโก (teleferico) ผมไม่มีเวลาได้ทดลองใช้บริการ คุณอาจพูดได้ว่าผมโชคดีในความโชคร้ายเพราะผมกับรถกระเช้านั้นไม่ถูกจริตกันนักแต่ผมก็พอเข้าใจได้ว่าระบบขนส่งช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางได้อย่างมากโดยการให้บริการตรงจากชุมชนบนเทือกเขาสู่จุดต่างๆในหุบเขาแทนที่จะต้องให้ชาวบ้านเดินทางด้วยความยากลำบากผ่านเส้นทางทุรกันดาร

 

เมื่อรถที่ผมโดยสารขับเคลื่อนอย่างยากลำยากผ่านถนนที่แออัดนอกเมือง สารพัดผลงานสรรค์สร้างจากโลหะตั้งตระหง่านตามเส้นทางไปสู่เมือง รวมถึงหนึ่งในผลงานสุดอัปลักษณ์เกินบรรยาย อนุสาวรีย์แห่ง ชิ เจวารา ทำจากชิ้นส่วนโลหะรวมทั้งอะไหล่รถ เฟือง ล้อ และส่วนอื่นๆ สูง 30 เมตร และสามารถมองเห็นได้จากระยะไกล ผมสังเกตสารพัดงานศิลปะเมื่อผมเดินทางในประเทศ แต่ไว้ผมค่อยเล่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ลาปาซได้ถูกจดจำว่าเป็นเมืองที่มีระดับความสูงเหนือระดับน้ำทะเลRead more...

อ่านต่อไป...

กก แพ ซากปรักหักพัง – ขุสโกไป ปุโน และทะเลสาบติติกากา

ถนนไปติติกากา

 

 

มีทะเลสาบซ่อนตัวสูงอยู่ในเทือกเขาแอนดีส ทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้ ทอดตัวกั้นเขตแดนระหว่างประเทศเปรูและโบลีเวีย สำหรับอุทกวิทยาสติเฟื่องแบบผม สายน้ำไหลรวมตัวจากแม่น้ำ 27 สาย และกวาดพื้นที่ราว 58,000 ตารางกิโลเมตรซึ่งใหญ่กว่าประเทศเนเธอร์แลนด์ หรือเบลเยียม หรือสวิตเซอร์แลนด์ และทะเลสาบมีขนาดใหญ่กว่าประเทศบรูไน ลักแซมเบอร์ก และสิงคโปร์รวมกัน ติติกากาคือชื่อของมัน และถึงแม้มันอยู่ที่ความกดอากาศเกือบจะถึง 4,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มันก็ยังถูกก่อกวนจากมนุษยทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะจากมวลขยะ ตามมาด้วยสภาวะโลกร้อน

 

 

 

 

 

 

ทะเลสาบสามารถเข้าถึงได้จากหลายทาง แต่หนึ่งในเส้นทางที่สวยที่สุดคือถนนจากคุซโกไปปูโน หรือที่เรียกกันว่าเส้นทางแห่งอาทิตย์ ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาทั้งวันในการเดินทาง รถโดยสารจะหยุดพักหลายจุดตามเส้นทางเพื่อให้แวะชมทัศนียภาพในเมืองเล็กๆ ตลาด และพิพิธภัณฑ์หนึ่งหรือสองแห่ง หนึ่งในสถานที่ที่สวยงามที่สุดคือถนนที่ทอดตัวยาว สูงบนเทือกเขา เหน็บหนาวปกคลุมด้วยหิมะช่างน่าตื่นใจ La Raya Pass เส้นทางที่สูงสุดในภูมิภาค

 

 

 

หนึ่งในจุดหยุดชมจุดแรกๆ คือโบสถ์ซานเปโดรแห่งแอนดาฮวยลิลลาสในเมืองเก่าเล็กๆ ที่สวยงามที่ชื่อเดียวกัน มีตลาดกลางเมืองตั้งอยู่หน้าโบสถ์ Read more...

อ่านต่อไป...

มรดกทางโบราณ – ความทรงจำที่ดี

 

เมือง Inca เมืองในเมฆ

หมอกเคลื่อนตัว และทัศนียภาพก่อนหน้าที่ถูกบดบังก็ปรากฎให้เห็นอีกครั้งเมื่อหมอกเคลื่อนไปที่อื่น ตลอดหนึ่งชั่วโมงถัดมาจากนั้น ไกด์นำพวกเราสำรวจจุดต่างๆของโบราณสถาน อธิบายวัตถุประสงค์ของแต่ละสถาปัตยกรรมที่แตกต่างภายในโบราณสถาน ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับมาชูปิกชู และจึงไม่พยายามอธิบายว่าหลากหลายวัตถุประสงค์ของการสร้างคืออะไร แต่ผมจะนำคุณไปยังเพจของยูเนสโกโดยตรง (UNESCO page http://whc.unesco.org/en/list/274) รวมถึงบทความจากเนชันแนลจีโอกราฟิก (a National Geographic article http://www.nationalgeographic.com/travel/world-heritage/machu-picchu/)

 

ชีวิตไม่ได้เป็นรายการตรวจสอบและ Machu Picchu ไม่ใช่จุดหมายที่ ‘ขูดออก’จากรายการช้อปปิ้ง

 

พื้นที่ประกอบด้วยสามโครงสร้างหลัก เดอะอินติฮัวตานา (แท่งหินแห่งศาสนบูชาที่เกี่ยวเนื่องกับนาฬิกาดาราศาสตร์และปฏิทินอินคา) วัดแห่งสุริยะ และห้องแห่งสามบัญชร เกือบสองร้อยอาคารปลูกสร้างบนพื้นที่ มองเห็นคันนาแบบดั้งเดิม ที่ก่อขึ้นเพื่อการเกษตรกรรม ผมแน่ใจว่าคุณเคยได้เห็นภาพถ่ายที่น่าอัศจรรย์ของที่นี่ ในที่สุดผมก็ได้มาเยือน เกือบสิบห้าปีจากทริปเปรูครั้งแรก และผมพลาดที่จะมาที่นี่ในครั้งนั้น มันยากที่จะอธิบายว่าผมคิดหรือรู้สึกอย่างไร สำหรับบางคนความรู้สึกเหมือนได้ค้นพบการแสวงหาตัวตน ประหนึ่งเดินทางถึงศาสนสถานแห่งการหยั่งรู้ และต้องมนต์จังงังดั่งถูกปลุกวิญญาณ ส่วนคนอีกกลุ่มผมว่าไม่ต่างจากการกากบาทบัญชีรายการ ‘bucket list’ ที่ต้องทำ ซึ่งผมไม่เห็นว่าชีวิตเป็นรายการตรวจสอบ Read more...

อ่านต่อไป...

รถไฟไป Machu Picchu

การเดินทางด้วยรถไฟที่ยอดเยี่ยม

มีหลายวิธีที่จะเดินทางไปมาชูปิกชู ตั้งแต่จากขับรถไปเองจนถึงปั่นจักรยาน หรือเดินเขาไปตามเส้นทางการเดินป่าของอินคา อีกทางเลือกที่นิยมคือการนั่งรถไฟเที่ยวเดียวหรือไปกลับจากออยแลนเทแทมโบไปอากูแอสคาเลียนเต (เคยมีการบริการจากเมืองที่ใกล้คูซโกกว่า แต่ดูเหมือนเส้นทางนั้นจะหยุดให้บริการ ความจริงที่ว่าออยแลนเทแทมโบเป็นจุดท่องเที่ยวหลักที่ตั้งอยู่ห่างจากคูซโกเพียงชั่วโมงครึ่งด้วยการโดยสารรถประจำทาง) รถไฟวิเศษมาก และไม่ว่าครั้งไหนก็ตามที่ผมมีโอกาสเดินทางโดยสารรถไฟผมก็มักจะทำถ้าผมมีกำลังจ่ายพอ

มีการเดินทางด้วยรถไฟหลายเส้นทางบนโลกนี้ที่น่ามหัศจรรย์อย่างยิ่ง และหนึ่งในแผนการเดินทางท่องเที่ยวทวีปอเมริกาใต้ของผมคือการโดยสารรถไฟ ไม่ใช่แค่ในเปรูแต่ยังรวมถึงการโดยสารรถไฟขบวนพิเศษ พาทาโกเนียเอ็กซ์เพรสในอาร์เจนตินา น่าเสียดายที่อย่างหลังผมไม่สามารถทำได้ เพราะทริป 6 วัน รวมถึงค่าโดยสารรถไฟราคาราว 1,600 เหรียญ บางทีทริปรอบต่อไปที่ผมมาเที่ยวอเมริกาใต้อีก รถไฟ Blue Train (Blauw Trein) ในแอฟริกาใต้เป็นการเดินทางที่เยี่ยมยอด หรือการเดินทางผ่านเส้นเทือกเขาร็อกกี้ในแคนาดา หนึ่งในเส้นทางที่น่าหลงใหลที่สุดในใจผม คือ ทรานส์ไซบีเรียน ด้วยการพัฒนาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในขณะนี้ แทบจะเป็นไปได้ที่จะเดินทางจากสิงคโปร์ผ่านทางประเทศอื่นๆไปยังประเทศจีน และต่อไปไซบีเรีย แล้วข้ามไปรัสเซียเพื่อเชื่อมไปยังยุโรป การเดินทางอย่างนี้น่าจะกินเวลาหกเดือน แต่ผมแน่ใจว่ามันเป็นหนึ่งในทริปที่คุ้มค่าRead more...

อ่านต่อไป...