การรักษาความเป็นส่วนตัวและการเมือง

เลือกความเงียบเหนือทางออกอย่างรวดเร็ว … จากชีวิต

ผมยกคำถามต่างๆมากมายที่คุณจะพบในประเทศไทยมาพูดถึงในบล็อกก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับการเรียนรู้การปรับตัวในการอยู่เมืองไทย และแน่นอนความคิดที่จะเขียนหนังสือ ที่ใช้ชื่อว่า “20 คำถาม” มันมีอะไรมากกว่าพวกคำถามพื้นฐาน ที่ผู้มาเยือนเมืองไทยครั้งแรกควรต้องรู้ และความจริงมันก็มีอะไรที่โหดมากกว่า ที่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ และในบางครั้งยังต้องอาศัยความอดทน เพื่อปรับตัวกับสถานการณ์และความเป็นไป มีทั้งสิ่งที่ต้องปฏิบัติและวิถีสังคม ที่ผมได้เขียนครอบคลุมไว้ รองเท้าและเท้า อาหารที่วางบนพื้น การไหว้ ภาษา ภาพยนตร์เห่ยๆ เหล้าถูกๆ การทำงาน สุดสัปดาห์และวันหยุด ชายทะเล การจับมือทักทายและการแตะต้องตัวในรูปแบบอื่นๆ การต้อนรับแขกผู้มาเยือน เรี่องราวเกี่ยวกับภูติผี การเดินทางท่องเที่ยวบนหลังมอเตอร์ไซต์ และฝูงวัว แต่มันมีอะไรนอกเหนือกว่านั้นที่มีผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นส่วนตัว

หลังจากเรียนรู้มากขึ้นมาปีกว่า วันหนึ่งจู่ๆผมก็พูดถึงการยกมือโหวต ในการประชุมสำคัญของกลุ่มผู้ถือหุ้น มันจะเป็นวิธีที่ง่ายมากที่จะข่มขู่คน เพราะคุณสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเข้าลงคะแนนให้ใครแทนที่จะโหวตกันลับๆ แต่แล้วพรายกระซิบก็เตือนผมให้ปิดปากและอย่ามีความเห็นอะไร ซึ่งเป็นคำแนะนำที่ดี เพราะผมได้ยินมาว่าใครคนหนึ่งที่อยู่อีกภาคที่ยกประเด็นนี้มาพูด เขาต้องออกจากงานภายในชั่วโมงนั้นเพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตของเขาเอง และคนอื่นๆก็ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นั้น บ่อยครั้งที่ผมเลือกที่จะออกไปอย่างเงียบๆ แทนที่จะถูกช่วยให้ออกจากชีวิตอย่างถาวร ตัดสินใจได้อย่างง่ายดาย เพราะตัวเลือกมันดูสมเหตุสมผลมากต่อคุณภาพชีวิตของผม

ความเป็นส่วนตัวไม่มี

นอกจากนี้แล้วยังมีหัวข้ออื่นๆเกี่ยวกับพื้นที่ส่วนตัวหรือการเคารพความเป็นส่วนตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่คนไทยไม่เข้าใจหรือไม่ยอมรับ ในหลายสถานการณ์และโอกาส ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับคุณไม่ต่างจากหน้าหนังสือที่เปิดค้างไว้ให้ทุกคนได้อ่านอย่างหมดเปลือก จุดนี้หมายถึงความเป็นส่วนตัว ผมได้เรียนรู้การวางตนที่ควรในที่ประชุมที่จัดขึ้น หกเดือนหลังจากที่ผมเดินทางมาประเทศไทย Read more...

อ่านต่อไป...

ความบันเทิงและครูสอนภาษา: ภาพยนตร์

ว่าด้วยเรื่องภาษาและภาพยนตร์

นี่ดื่มมารึ?”

อะไรกัน?”

ตัวคุณคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า!”

ผมไม่ได้แตะมันสักหยดมาสองวันแล้ว”

เอ่อ แต่กลิ่นตัวเธอน่ะเหมือนแทบจะอาบด้วยเหล้ากลั่นมาเลย”

ผมอึ้งไป ก็ผมไม่ได้แตะแอลกอฮอล์ใดๆทั้งสิ้นมาหลายวันแล้วน่ะสิ ถึงแม้ว่าปาร์ตี้เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาจะสนุกสุดเหวี่ยงและบ้าระห่ำซึ่งทำให้คนส่วนใหญ่ต้องใช้วันเสาร์ทั้งวันในการกู้สภาพตัวเอง และแน่นอน รวมถึงผมด้วย

แต่หลังจากนั้นผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าอะไรคือสาเหตุที่มาของคำถามนั้น งานเลี้ยงคืนวันศุกร์เริ่มจากอาหารค่ำในงานแต่งงาน และจากนั้นก็สนุกกันต่อตลอดคืน จะว่าไปก็ไม่จำเป็นต้องหาข้ออ้างอะไรนักที่จะสังสรรค์ วันเกิด งานศพ การพนันขันต่อหลังวัดทันทีที่พระสวดเสร็จ งานแต่ง วันเงินเดือนออก บวชเณร บวชพระ เหตุใดๆก็ดูจะดีพอ แถมยังมีวัดมากพอที่จะจัดงานพร้อมเหตุอ้างที่ไม่ยากจะยกมาใช้ และส่วนใหญ่งานสังสรรค์เหล่านี้หลังจากเหล้ากลั่นชั้นดีขวดแรกหมดไป วิสกี้คุณภาพต่ำก็ถูกนำมาแทนที่ วันนี้ถ้าผมได้กลิ่นนั้น บางทีผมอาจจะอาเจียนไปแล้ว แล้วกลิ่นของมันก็จะติดตัวคุณไปอีกสองสามวันหลังจากนั้นเมื่อคุณดื่มมันในปริมาณมากเกิน และผมก็คาดว่านั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนวันศุกร์ วิสกี้ท้องถิ่นที่ถูกอัดลงกระเพาะอย่างหนักหน่วง และเมื่อถึงวันจันทร์ผมก็ไม่ควรจะแปลกใจอะไรกับคำถามที่ถูกถาม ผมตกลงใจไว้ว่าจะไม่นำมันเข้าร่างอย่างสิ้นคิดอีกเพราะผมไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นสิงห์สุรา

ภาพยนตร์กลางแจ้งสไตล์ไทย

พูดถึงวัดวาและสารพัดงานที่จัด จะว่าไปก็เป็นสถานที่ที่เหมาะสมกับการจัดกิจกรรม ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเป็น การฉายหนังกลางแปลงสักสี่ห้าเรื่องหลังพิธีงานเสร็จ เจ้าภาพยิ่งรวย จำนวนเรื่องที่ฉายก็มากขึ้น รวมถึงคุณภาพของเรื่องที่เลือกมาให้ชม หลายคืนที่ผมกับเพื่อนได้ดูหนังติดต่อกันหลายเรื่อง ในช่วงยุคแปดศูนย์ยังมีความต้องการอย่างมากให้เจ้าภาพฉายหนังกลางแปลงบนจอขนาดยักษ์ ส่วนใหญ่ระบบการฉาย มักจะประกอบด้วยรถบัสหรือรถบรรทุก Read more...

อ่านต่อไป...

รถจักรยานยนต์ การเดินทาง และเสรีภาพ

รอดชีวิตถึงปลายเดือนและการเดินทางระยะยาว

มีอะไรมากมายให้ทำหลังเลิกงาน แม้ว่างานจะยอดเยี่ยมมาก แต่ก็เป็นการทำงานนอกสถานที่ตลอดเวลา ความงามของทิวทัศน์ในช่วงบ่ายที่เราขับรถตระเวนทั่วภูมิภาคนั้นคุ้มค่ายิ่งนัก ทุ่งนาเขียวขจีตัดกับวิวของต้นมะพร้าวและต้นตาลโตนดที่ทอดตัวต่อกันเป็นทิวยาว ตาข่ายดักปลาหว่านทิ้งไว้ในคลอง หรือแม้แต่การตกปลาแบบดั้งเดิมด้วยคันเบ็ดในมือ สิ่งเหล่านี้ทำให้ช่วงเวลาทั้งหมดนั้นน่าอภิรมย์อย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าค่าแรงแสนต่ำต้อยเพียงสี่พันบาทต่อเดือนหรือราวร้อยสิบห้าดอลลาร์ แต่ผมก็สามารถจัดสรรการใช้จ่ายให้เพียงพอต่อเดือน ซึ่งก็ไม่ควรจะยากอะไรนักหากเทียบกับเพื่อนๆร่วมงานที่ได้รับค่าตอบแทนเพียงเดือนละแค่สองพันหกร้อยบาทหรือประมาณแปดสิบเหรีียญ และถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังสามารถเก็บสะสมเงินได้อีก ในขณะที่ผมแทบจะไม่พอกินตอนปลายเดือน แต่ก็อาจจะเพราะผมมักชอบไปเที่ยวไหนต่อไหน วันเวลาถูกเติมเต็มกับการขับรถไปเยี่ยมชาวไร่ในท้องที่ และแต่ละวันก็แตกต่างกันไป แต่ช่วงค่ำและสุดสัปดาห์นั้นเป็นเวลาส่วนตัวของผม ผมทำดีที่สุดที่จะเดินทางท่องเที่ยวไปยังย่านและเมืองต่างๆ แม้แต่จังหวัดอื่นๆ บางครั้งผมเดินทางไปกับเพื่อนร่วมงานเพื่อเยี่ยมเพื่อนๆและครอบครัวของเขาในภาคอื่นๆ ซึ่งก็หมายความว่าผมจะได้เปิดหูเปิดตาไปในสถานที่ซึ่งรู้จักกันดีเฉพาะคนในท้องถิ่น และไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนเคยเห็น

หนาว? ในประเทศไทย?

ในครั้งอื่นๆผมก็จะเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนนักอาสาในจังหวัดอื่นๆที่พวกเขาได้พำนักอยู่ ซึ่งมักจะเป็นในภาคเหนือเช่นเชียงใหม่และเชียงราย รวมถึงทริปการเดินทางในวันคริสมาสต์ที่ยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำ ณ ศูนย์วิจัยการเกษตร บนดอยปุยในจังหวัดเชียงใหม่ มันเป็นช่วงที่อากาศหนาวเหน็บในเดือนธันวาคม (พูดถึงประเทศไทยในขณะที่ออนตาริโออุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งในช่วงฤดูหนาว) เราเข้าเยี่ยมชมศูนย์วิจัยเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการทำไร่กาแฟ และงานวิจัยอื่นๆที่นั่น ก่อนที่จะเดินทางต่อไปอีกสิบห้ากิโลเมตรบนถนนคลุกฝุ่นขึ้นไปยังจุดสูงสุดในพื้นที่นั้น ที่ซึ่งรัฐบาลได้รับผิดชอบการประชาสัมพันธ์การทำไร่ในที่ราบสูง และได้สร้างกระท่อมที่พักเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักวิจัยและผู้ที่เข้าเยี่ยมชมศูนย์วิจัย มาถึงประมาณบ่ายสี่โมงเย็น พวกเรารีบวางสัมภาระและจัดหาที่ทาง พวกเรามีทั้งหมดประมาณสิบห้าคนหรือกว่านั้น และกระท่อมสองหลังก็ขนาดเหมาะกับจำนวนผู้เข้าพักแค่สี่ถึงหกคน หลังจากจัดพื้นที่สองตารางเมตรต่อหนึ่งคนและจัดวางกระเป๋าสัมภาระ พวกเราก็ออกมาสำรวจพื้นที่ภายนอก อากาศเริ่มเย็นลง มีการเตรียมก่อกองไฟและในที่สุดแสงสว่างจากกองไฟสองกองนั่น ก็เริ่มกระจายความอบอุ่นสู่เรา เสบียงอาหารและบาร์บิคิวกำลังเริ่มขึ้น พวกเราเริ่มล้อมวงและถกเถียงกันว่าใครจะอาบน้ำก่อน แต่อุณหภูมิเริ่มลดต่ำลง เช่นเดียวกับน้ำที่ใช้อาบ Read more...

อ่านต่อไป...

วัฒนธรรมที่แตกต่าง: โอกาสที่จะเรียนรู้

ความแตกต่างทางวัฒนธรรม

ถึงแม้จะไม่มีเรื่องผีๆ การพบปะในช่วงค่ำก็ยังสรวลเฮฮา เรื่องเล่าต่างๆ เรื่องจริงที่เกิดขึ้น เรื่องเม้าท์ สาระที่ถกเถียง และสำเนียงท้องถิ่นที่เพิ่มสีสัน อัดแน่นเต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานและรอยยิ้ม ภาษาที่หลายครั้งผมฟังไม่รู้เรื่อง และนั่นก็ยิ่งเพิ่มความสนุกสนาน โดยไม่ต้องคำนึงถึงความหรูหราลึกซึ้งอะไร งานสังสรรค์ที่ดีที่สุดคือเมื่อเหล่าหนุ่มๆนั่งล้อมวงเมา และสาวๆนั่งเกาะกลุ่มกันอยู่โต๊ะถัดไปและเริ่มจะเมาเช่นกัน และในบางช่วงระหว่างนั้นหนุ่มน้อยใจกล้าคนไหนสักคนเริ่มแซวสาวๆที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆ เงียบอยู่สองสามวินาที และในที่สุดสาวๆเหล่านั้นก็จะโต้ตอบด้วยคำพูดอะไรสักอย่างที่สั้นกระชับ ไม่ถึงกับหยาบโลนแต่ก็พอจะทำให้หนุ่มสามหามนั่นสำอึกและเงียบปากไปได้ เมื่อเธอโต้กลับว่า เขานั้นก็ไม่ต่างจากแตงกวาที่หด และนี่ก็เป็นการเริ่มต้นการสนทนาที่ผลัดกันแซวไปมาอย่างฉันมิตร ที่บางช่วงของบทโต้ตอบนั้นทำเอาหูแทบจะไหม้กับความหมายที่ซ่อนนัย

มันมีหลายอย่างทางวัฒนธรรมที่ต้องปรับตัวกับผู้ที่ไม่รู้เมื่อครั้งแรกเริ่มเข้าสังคมกับคนท้องถิ่น อย่างหนึ่งที่แน่นอน ประตูเตี้ยกว่าประเทศตะวันตกเป็นอย่างมาก ทำให้ต้องก้มศรีษะเมื่อเดินผ่านซึ่งถือว่าเป็นพร เพราะมันแสดงถึงการให้ความเคารพเจ้าบ้าน เมื่อคุุณพยายามไหว้ทักทายเขาขณะที่กำลังก้าวเข้าบ้าน

ถอดรองเท้า!!!

กฎที่สองคือการเรียนรู้ว่าต้องถอดรองเท้าวางไว้ที่บันไดก่อนขึ้นชั้นบน ซึ่งที่จริงก็ไม่มีการสอนกันตรงๆแต่คือการเรียนผิดเรียนถูก มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะปีนขึ้นบันไดด้วยการใส่รองเท้าไซส์สิบสอง ดังนั้นวิธีเดียวคือต้องถอดมันทิ้งไว้ ต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน และบ้านในต่างจังหวัดส่วนใหญ่มักจะมีอ่างเล็กๆข้างบันได ใส่น้ำไว้ให้เราแช่ล้างเท้าก่อนขึ้นชั้นบน ถึงแม้ปัจจุบันวัฒนธรรมเหล่านั้นจะเลือนหายไปแล้วจากสังคม แต่เราก็ยังพอเห็นร่องรอยของวิถีในอดีตของอ่างน้ำเล็กๆแบบนี้ การล้างเท้าแบบนี้เหมาะเจาะกันดีกับการที่คุณใส่รองเท้าแตะที่เปรอะฝุ่นทั้งวัน หากคุณใส่รองเท้าหนังพร้อมถุงเท้า มันก็ยุ่งยากจึ้นเพราะต้องถอดทั้งรองเท้าและถุงเท้า แล้วมันก็ทำให้คุณได้บทเรียนและเปลี่ยนไปใส่รองเท้าแตะในวันถัดมาแทน

ก้าวข้ามธรณีประตูที่วัด

ยังมีความจริงที่ว่าหลายบ้านในชนบทห่างไกลตั้งสำรับอาหารบนเสื่อ แล้วนั่งขัดสมมาธิล้อมวงกันรับประทานอาหาร เป็นความไม่สุภาพหรือเหมาะสมที่จะนั่งเท้าชี้ไปที่อาหารหรือเดินข้ามสำรับ จะว่าไปแล้วเราควรเรียนรู้ตั้งแต่แรกเริ่มว่าไม่ควรเดินข้ามอะไรทั้งสิ้นนอกจากขอบธรณีประตูทางเข้าอุโบสถ มันเป็นกฏเหล็กที่ห้ามข้ามเครื่องมือสำหรับใช้ทำงานของผู้อื่น ช่างไม้จะรู้สึกโกรธเคืองหากคุณเดินข้ามกล่องเครื่องมือของเขา เช่นเดียวกับที่ศิลปินจะวาดภาพผิดเพี้ยนหากคุณเดินข้ามแปรงและสีน้ำมันของเขา แต่ในทางกลับกัน เราต้องข้ามธรณีประตูอุโบสถถึงแม้มันจะหนาและสูงแค่ไหน เพราะการเหยียบธรณีประตูนั้นจะเป็นการนำพาบาปและสิ่งชั่วร้ายจากภายนอกติดตัวเข้าไปสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ Read more...

อ่านต่อไป...

ผีและสิ่งที่น่ากลัวอื่น ๆ

เรื่องผีและเรื่องอภินิหาร

ช่างน่ามหัศจรรย์ยิ่งนักที่เราสามารถสื่อสารได้คล่องหลังเหล้าเข้าปาก และแน่นอน แม่โขงเปล่งวาจา มันคืออะไรน่ะรึ มันก็คือน้ำกลั่นพลังเพลิงพื้นบ้าน ที่มีอนุภาพดั่งยาพิษกระชากวิญญาณออกจากร่าง จนคุณต้องเปล่งเสียงร้องกร่นด่าอย่างระคนใจและสาบานว่าจะไม่แตะต้องมันอีกเลยแม้แต่หยดเดียว ปัญหาคือ ไม่มีงานสังสรรค์ไหนในเมืองไทยที่ปราศจากแอลกอฮอลล์ สารพัดเหล้ายา รวมถึงเหล้าเถื่อนกลั่นเองที่เรียกว่าเหล้าขาวหรือวิสกี้รำข้าว มันคือหนึ่งในน้ำปีศาจที่แรงที่สุดที่ผมเคยได้สัมผัสรสชาติมา และการจะลดความแรงของมันก็คือการผสมกับเครื่องดื่มเพิ่มพลังงานสักขวดสองขวด ไม่ว่าจะกับกระทิงแดงหรือยี่ห้อคู่แข่งอื่นๆแต่ผมชอบลิโพมากกว่าเพราะรสหวานละมุนลิ้น

ไม่ว่าจะเนื่องในโอกาสใดๆก็ดูเหมาะสมไปหมดกับการดื่มเจ้าน้ำมฤตยูนี้ วันเกิิด วันตาย วันแต่ง คนสักคนถูกหวย งานวัด เพื่อนที่ห่างหายไปนานและมาเยี่ยมโดยไม่ได้นัดหมาย หรือจะสรรหาเหตุผลอื่นใดเพื่อสังสรรค์ ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ดีว่าในช่วงอายุยี่สิบต้นๆ เหล้าคือส่วนหนึ่งของชีวิต และร่างกายของเราก็ดูเหมือนว่าจะจัดการกับมันได้ดี เพียงแค่ยี่สิบห้าบาทกับราคาเหล้าขาวหนึ่งขวดที่หาซื้อได้ง่ายในแทบทุกที่ และถ้ามันยังแพงเกินไปสำหรับคุณ คุณก็แค่เพียงไปที่ร้านเหล้าท้องถิ่น และสั่งมันแบบแก้วชอตแทน หนึ่งชอตหลังอาหารเช้า อีกหนึ่งหรือสองในมื้อเที่ยง และอีกสักหนึ่งหรือสอง หรือจะมากกว่านั้นเมื่อถึงมื้อค่ำ เช่นเดียวกับบุหรี่ที่ขายเป็นตัว หรือจะสาม จะห้า หรือทั้งซอง ตามแต่ความต้องการของลูกค้า

ไร้หัว  ไส้พุงห้อยต่องแต่ง  และพุงตุ่ย

มื้อค่ำเป็นมื้อที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาเสมอ และก็มักจะมีข้ออ้างที่จะนั่งนอกชานบ้านภายใต้อากาศที่เย็นสบาย สนุกกับการดื่มและกินอาหารอร่อยๆ มันไม่ต้องใช้เวลานานเลย ก่อนที่มื้อค่ำกับคนแค่สองสามคนจะกลายเป็นการรวมตัวสังสรรค์ของมิตรสหายหลากหน้ากว่าสิบคนหรือมากกว่านั้น เด็กๆวิ่งเล่นไปรอบๆกับใบตองที่กลายเป็นม้าห้อ เด็กกลุ่มอื่นที่โตกว่าหน่อย ก็จับกลุ่มกันอยู่หน้ามอไซต์เก่า และปรึกษากันว่าจะเปลี่ยนโฉมมันให้กลายเป็นมอเตอร์ไซต์วิบากได้อย่างไร พวกผู้ใหญ่ก็สนทนากันไปเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เม้าท์มอยเพื่อนบ้าน หรือชาวบ้านจากหมู่บ้านอื่น เรื่องเล่าผ่านความทรงจำเกี่ยวกับญาติพี่น้องที่เพิ่งจากไป Read more...

อ่านต่อไป...