เมื่อโศกนาฏกรรมมาเยือน- ชีวิตในฟาร์ม

ความเป็น  ความตาย   การต่อสู้ของชีวิตในฟาร์ม

ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จบอย่างสวยงาม แล้วก็เหมือนทุกๆที่ ชีวิตในฟาร์มก็เวียนว่ายอยู่กับการเกิดและตาย และไม่มีอะไรปวดร้าวใจไปกว่าการที่ต้องเห็นใครบางคนสูญเสียชีวิตของสัตว์เลี้ยงที่เขารักมากและดูแลอย่างต่อเนื่องหลายปีในเวลาแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมง สำหรับพวกเขานั้น ฝูงโคนมคือสิ่งที่ต่อลมหายใจของพวกเขาและเพิ่มรายใด้ให้แก่ครอบครัว ทุกวันหมดไปกับการดูแลสัตว์ ตีห้าคือเวลารีดนมซึ่งส่วนใหญ่ก็ด้วยมือ เสร็จแล้วก็ให้อาหารและอาบน้ำ น้ำนมดิบถูกบรรทุกในถังขนาดสามสิบลิตรและถูกส่งไปยังสหกรณ์ ด้วยการเทินไว้หลังรถมอเตอร์ไซต์ จักรยาน หรือรถกะบะ มันคือภาพน่าประทับใจที่เห็นมอเตอร์ไซต์และจักรยานหลายร้อยคัน มารวมตัวกันตรงจุดส่งที่สหกรณ์ในเวลาเจ็ดโมงเช้า มันเหมือนกับตลาด ที่จะมีโอกาสได้พบปะพูดคุยอัพเดทข่าวสารและเรื่องเม้าท์ล่าสุด แต่ชาวไร่ส่วนใหญ่มักจะรีบกลับไปฟาร์มของตนเพื่อเตรียมหญ้า และข้าวโพดสำหรับอาหารมื้อเย็นของพวกสัตว์ ปล่อยให้เรื่องเม้าท์และการพบปะกันเป็นเรื่องสำหรับวันรับเงินค่านมวันถัดไป ซึ่งเป็นวันตลาดด้วย ชาวนาอีกส่วนจะไปทุ่งนาเพื่อเฝ้าดูแลผลผลิตของปีถัดไป

พร้อมกับการแนะนำฟาร์มโคนมสู่ภูมิภาค อาหารสำเร็จรูปและอาหารเสริมก็มาถึง ซึ่งเป็นอาหารที่จำเป็นสำหรับสัตว์ที่ส่วนใหญ่กินแต่หญ้าคุณภาพต่ำ ฟาง และข้าวโพดที่อ่อนเกิน อาหารเสริมในประเทศไทยส่วนใหญ่ประกอบด้วยถั่วเหลือง เมล็ดข้าวฝ้าย ข้าวโพด ปลาป่น ข้าวเปลือก และกากน้ำตาล ผสมกับวิตามินและกลือแร่ โรงงานอาหารสัตว์เหล่านี้แข่งขันกันอย่างฟาดฟันเพื่อขายผลิตภัณฑ์ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ซึ่งมีมากถึง 4000 ราย และแต่ละที่ก็พยายามให้การบริการที่ดีกว่าอีกที่ทั้งในด้านราคาและคุณภาพ แต่บริการที่ดีที่สุดได้แก่ร้านค้าของสหกรณ์ซึ่งชาวไร่มาซื้ออาหารเสริมแล้วก็สามารถลงชื่อในบัญชีของพวกเขาได้ โดยที่ค่าอาหารและสิ่งของจะถูกหักออกจากค่านมที่แม่วัวผลิตได้ในรอบบิลถัดไป แน่นอนไม่ใช่ชาวไร่ทุกคนจะใช้อาหารจากโรงงานอาหารสัตว์ของสหกรณ์แห่งนี้ บ้างก็ซื้อหาจากแหล่งผลิตอื่น

ความสงบของวันอาทิตย์แตกสลายRead more...

อ่านต่อไป...

ความมหัศจรรย์ของชีวิตในฟาร์ม

การทำงานเป็นไงน่ะรึ?

ผมไม่เชิงเจอโยนเข้าไปเรียนรู้งานเหมือนเจิมศีลบนกองไฟเสียทีเดียวนัก ถึงแม้ว่าอากาศจะร้อนจนแสบผิว และไม่ว่าผมจะอาบน้ำบ่อยแค่ไหนต่อวันผมก็ยังเหงื่อแตกพลักอยู่ดี เห็นสภาพโชคไม่เข้าข้างที่น่าเวทนาของผมแล้ว มีคนปลอบใจผมว่าทนอีกหน่อย เดี๋ยวก็ย่างเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วและทุกอย่างจะดีขึ้น แน่นอนเลยหน้าหนาว จะเย็นได้แค่ไหนกันเชียว สามสิบองศารึ ยิ่งกว่านั้นรึ มันยังอีกตั้งหลายเดือน กว่าจะถึงเดือนกันยายนหรือตุลาคมที่อากาศจะเริ่มเย็นลง ในขณะเดียวกันที่ผมยังต้องทำงานและแสร้งทำเป็นเหมือนเข้าใจว่ากำลังทำอะไรอยู่ แถมยังต้องพยายามระวังไม่ให้เหมือนไปดูถูกหรือทำให้ใครขุ่นข้องใจ และผมต้องทำตัวให้มีประโยชน์เพราะผมได้รับค่าตอบแทนการทำงานตั้งสี่พันบาทต่อเดือน หรือเทียบได้ราวๆสองร้อยเหรียญแคนาดา

ทำเล็บเท้าวัว – วัว hiso

หกเดือนแรกผมใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนมอเตอร์ไซต์พ่วงบรรทุกเครื่องมือเล็มกีบเท้าของวัว ใช่ เหมือนคนนั่นแหละ การตัดเล็บให้วัวก็ไม่ต่างจากการตัดเล็บเท้ามนุษย์ ปัญหาคือการเล็มกีบเท้าวัวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะวัวตัวใหญ่และมีแค่สองกีบนิ้ว อีกปัญหาคือ พวกมันมักจะยืนแช่ปลักโคลนหรือพื้นกรวด ซึ่งทำให้กีบด้านและมีหินติดอยู่ตามซอก หรือไม่ก็กีบเท้าเป็นแผลและเริ่มเน่า ดังนั้นรถพ่วงบรรทุกที่เล็มกีบเท้าและเหล่าคนขี่ตระเวนไปทั่วชนบท แวะเยี่ยมฟาร์มหนึ่งต่อไปอีกฟาร์มหนึ่งก็เพื่อช่วยให้พวกวัวเหล่านั้นทรมานน้อยลง

ต่างจากเล็บของมนุษย์ กีบเท้าของพวกมันจำเป็นต้องถูกเล็มให้ลึกพอและอย่างเร็ว และคุณก็จะเห็นเลือดไหลอาบเล็กน้อย ห้ามเลือดโดยการใช้ไอโอดีนล้างแผล และหันไปปลอบใจเจ้าของวัวว่าไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เอง ก่อนที่จะหันหลังอำลาและภาวนาว่ากีบเท้าของมันจะหายดีในเร็ววัน โดยส่วนใหญ่พวกมันได้รับการเล็บกีบทันเวลา แต่บางทีก็ช้าเกินการ ช่างน่าเศร้าที่เห็นพวกมันบางตัวต้องทรมานอดตายอย่างช้าๆ เพราะเคลื่อนไหวไม่ได้ และมีอาการซม และในที่สุดก็ไม่ยอมกินอาหารที่ถึงแม้จะวางไว้ให้ตรงหน้า มันน่าอึดอัดและขุ่นเคืองที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย คุณอาจถามว่าแค่กรวดก้อนเล็กๆทำไมส่งผลกระทบมากมายนัก ไม่ใช่พวกมันจะเจอตอทิ่มเสียหน่อย เมื่อกรวดพวกนี้ติดตามกีบเท้า ทำให้เกิดฝีอักเสบและหากปราศจากการรักษาอย่างท่วงทัน ก็จะเกิดการติดเชื้อ มีไข้ขึ้น และเลิกกินอาหาร คุณคงพอจะนึกภาพออก Read more...

อ่านต่อไป...

อะไรนะ? 66 ตัวอักษร – ช่วยด้วย!

เออพวกเขาพูดว่าอะไรนะ?

ชายหาดช่างสวยงาม และการเรียนภาษาก็ดำเนินต่อไป จากสิงหาคมเข้าสู่เดือนกันยายน และเดือนกันยาก็ถึงเวลาสิ้นสุดของคอร์สเรียน พวกเราได้หยุดพักหนึ่งอาทิตย์ระหว่างสี่อาทิตย์ที่พักอยู่ที่หาดสวรรค์นั่น และสองอาทิตย์สุดท้ายของการฝึกภาษาในจังหวัดที่ใกล้กับกรุงเทพฯมากขึ้นที่ชื่อ นครปฐม ผมต้องยกความดีความชอบทั้งหมดให้แก่เหล่าครูผู้สอนที่มีความอดทนและฉลาดปราดเปรื่องดั่งโซโลมอนผู้รอบรู้ โดยมีผมเป็นบททดสอบของพวกเขา ผมแค่นิ่งเงียบไม่ตอบ และไม่มีส่วนร่วมใดๆทั้งสิ้น ผมมักจะนั่งเฉยๆแล้วก็ยิ้ม และหวังอย่างเงียบๆตลอดเวลาว่า เมื่อถูกตั้งคำถาม ครูจะถามคนอื่นแทน ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามหนักแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้ผมปริปากได้ นอกจากคำพื้นฐานง่ายๆคำสองคำที่พวกเราได้เรียนในวันแรกๆ และแน่นอนผมไม่เคยลืมคำว่า “ครับ” แต่ก็นะบางอย่างมันต้องซึมเข้าสมองผมแน่ๆ เพราะสามสิบปีให้หลังผมพูดภาษาไทยได้คล่องและสำเนียงแทบไม่ผิดเพี้ยนจากเจ้าของภาษา การเรียนสอนทักษะการอ่านให้ผมซึ่งช่วยได้มากตลอดหลายปีถัดมาเมื่อผมเริ่มหัดแปลเอกสารภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ

 

 

จะทำอย่างไรกับตัวอักษร 66 ตัวอักษร … ?

แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนผมก็ยังไม่สามารถเขียนได้ดีนัก ใช่ถึงแม้ว่าผมจะเขียนตัวอักษรส่วนใหญ่ได้ แต่ผมก็ไม่รู้วิธีสะกดคำที่ถูกต้อง มันมีพยัญชนะถึงสี่สิบสี่ตัวและสระอีกยี่สิบสอง ตัวอักษรสามระดับ และเสียงสูงต่ำที่หลากหลายและการผสมอักขระเหล่านี้คือการให้ความหมายของคำ มีอักษรถึงห้าตัวอักษรซึ่งแตกต่างแต่อ่านออกเสียงเป็นเสียงตัวอักษร “ค” เหมือนกัน ตัวอักษรที่คล้ายกันของ “ต” “ส” และอีกหลายตัว “พ” เป็นต้น และในชีวิตของผมก็ไม่เคยจำได้ว่าตัวไหนเป็นตัวไหน และแต่ละตัวก็ใช้กับคำเฉพาะของแต่ละความหมาย ผมสามารถอ่านภาษาไทยได้เมื่อเป็นรูปประโยค แต่ก็ไม่เสมอไปว่าผมจะอ่านคำเดี่ยวๆได้ เช่นคำว่า “ข้าว” Read more...

อ่านต่อไป...

ชีวิตบนชายหาด แต่ต้องเรียนรู้ภาษาที่ยากลำบาก

ไปไหน?

ในบรรดาคำถามทั้งหมด นี่ต้องเป็นคำถามที่ตอบง่ายที่สุดและที่ล่วงล้ำที่สุด “คุณกำลังจะไปไหนน่ะ?” และความสนใจของผู้ถามเอง ในคำตอบนั้น ขึ้นอยู่กับระดับของน้ำเสียงที่ถามไปงั้น ไร้ความสนใจที่จะอยากรู้ จนถึงการคาดคั้นที่ต้องการให้ตอบ ‘คุณควรจะให้คำตอบที่ถูกแก่ฉันหรือไม่งั้นเจอดีแน่’ ผมได้เรียนรู้ความแตกต่างในระดับความเข้มข้นของน้ำเสียงนั้นในที่สุด แต่ระดับแรกที่ได้เจอนั้นเกิดขึ้นอย่างเร็วภายในอาทิตย์แรกหลังจากที่ผมอยู่ในเมืองไทย ผมได้ไปฝึกเรียนภาษาไทยตลอดสี่อาทิตย์ในสถานที่สวยงามแห่งหนึ่งในเมืองไทย เหมือนเป็นโบนัสแรกหลังจากออกจากแคนาดา สี่อาทิตย์ในเมืองชายทะเลที่เคยสวยงามราวหาดสวรรค์ที่ชื่อหัวหิน ผมใช้คำว่าเคยเพราะเมืองเล็กๆที่แสนจะสวยงามแห่งนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วงสามสิบปีให้หลังจนแทบที่จะจำภาพเก่าๆไม่ได้ และการเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่ไปในทิศทางที่แย่ลง ที่โชคร้ายกว่านั้นการพัฒนาของอีกหลายเมืองที่แทบจะไร้การวางแผนที่เกิดขึ้นในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีตัวอย่างของสถานที่ที่ถูกทำลายเพราะนักธุรกิจไร้ยางอายอยู่ก็ตาม ถ้าการวางแผนมีความระมัดระวังสถานที่เหล่านั้นย่อมไม่ถูกทำลาย และสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นสำหรับการท่องเที่ยวก็สามารถใช้ได้ โดยไม่ทำลายทัศนียภาพที่สวยงามของเมือง ชายหาด หรือหมู่เกาะ แต่กลับยังสามารถให้บริการแก่นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่หลั่งไหลกันมา หลายเหตุผลที่เมืองเหล่านี้มีการพัฒนาอย่างปราศจากการควบคุมและรีบเร่งเกินไป บทเรียนที่ไม่เคยจดจำ

ชีวิตบนชายหาด แต่เรียนภาษา …

ร้อยคำหรือประมาณนั้น จะมีคำภาษาอังกฤษโผล่ขึ้นมาสักคำ ผมนั่งคิดอย่างงงงวยและเริ่มทบทวนการตัดสินใจของผม ว่าที่ผมขึ้นเครื่องและไปที่อีกฟากของโลกมันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่

ช่วงเวลาที่ได้อยู่ที่นี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในชีวิตของผม และใช่ ทั้งยังเป็นหนึ่งในความอึดอัดสับสนด้วย ใช่ หาดทรายสีขาว น้ำทะเลใสสะอาดและสวยงาม ถึงจะมีแมงกระพรุนให้เห็นอยู่บ้างก็ไม่เป็นไร และที่พักที่คุณฝันอยากจะไปตากอากาศ บังกะโลสองชั้น และระเบียงที่กว้างขวางบนชั้นสอง เปลญวน และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการพักผ่อนที่แสนสบายอย่างแท้จริง พื้นที่กว้างที่ชั้นล่างสำหรับบาร์บิคิว และสังสรรค์ (บังกะโลยังอยู่ที่นั่น และนานๆทีผมก็ได้แวะเวียนไปดู และแต่ละครั้งที่ไปเที่ยว ผมได้จำประสบการณ์ต่างๆของช่วงเวลาที่ผมไม่ได้คิดว่าชีวิตจะมีอะไรที่ดีกว่านี้ได้อีกแล้ว) แต่เมื่อวันแรกที่เริ่มเข้าเรียนภาษามาถึง ชีวิตก็พลิกอีกครั้ง … Read more...

อ่านต่อไป...

สะอึก เมี่ยงคำ ผ้าครามและบรรยากาศที่ผ่อนคลาย

 

สกลนคร…ผ้าคราม

สะอึก สะอึก สะอึก อร๊ากกกก ผมผิดคำพูดที่ให้ไว้กับตนเองแล้วสวาปามเมี่ยงคำเข้าปากไปหลายคำ ของว่างแสนอร่อยกับรสชาติเผ็ดซ่านที่ปลายลิ้น ผมยืนอยู่ในตลาดช่วงเย็นที่สกลนครตอนที่ผมสังเกตเห็นแผงขายเมี่ยงคำที่กำลังเตรียมเครื่องปรุงสดใหม่ตรงหน้า ผมเดินไปชะโงกดูแล้วแม่ค้าก็เชิญชวนให้ผมชิม “ไม่เป็นไรครับ แต่ช่วยเอาพริกออกหน่อยนะครับ” เธอจัดเมี่ยงคำตามที่ผมสั่ง และรสชาติมันก็อร่อยจัดจ้านยิ่งนัก นึกถึงเพื่อนที่เดินทางมาด้วย ผมจึงสั่งเมี่ยงคำอีกหนึ่งชุด แล้วก็ดันลืมไปว่ามันใส่พริกอยู่ข้างใน และเพราะผมจะต้องบินกลับกทม.ในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้าเลยไม่มีใครได้ชิมกัน ผมจึงนำมันกลับมาด้วย และขณะที่เขียนนี้ ผมกำลังได้รับผลกรรมจากการลืมสังเกต ตามจริงแล้วผมแทบจะไม่สามารถกินเผ็ดได้เลย และถ้าอาหารอะไรมีพริกผสมอยู่ ผมจะต้องกินข้าวสักคำสองคำเพื่อช่วยเคลือบกระเพาะอาหารของผมก่อน ถ้าผมไม่ทำตามกฏ จุดจบของผมคือการสะอึกไม่หยุด เมื่อไม่กี่นาทีก่อนผมรู้สึกหิว ผมรีบยัดเมี่ยงคำสี่ชิ้นเล็กๆอย่างเร็ว ทั้งที่สองคำแรกปากผมก็เริ่มพองด้วยความเผ็ดเป็นสัญญาณเตือนแล้ว ตอนนี้ผมเริ่มสะอึก สะอึก แล้วก็สะอึก ผมเขียนไปสะอึกไปเหมือนจะควบคุมกล้ามเนื้อไม่ได้ บางทีการดื่มน้ำแล้วกลั้นหายใจอาจช่วยได้

ไกลจากศูนย์กลาง

กว่าสามสิบปีที่ผมเดินทางทั่วไทย อาจจะเกือบทั่วทุกจังหวัดในประเทศนี้แล้วก็เป็นได้ ( 77 จังหวัดนับครั้งสุดท้าย และ 72 ตอนที่ผมมาถึงครั้งแรก) จะว่าไปแล้วสกลนครก็เป็นหนึ่งในจังหวัดแรกๆที่ผมได้มาเที่ยวช่วงที่ผมทำงานเป็นอาสาสมัครในช่วงปี 80 ผมเข้าร่วมงานที่กรมปศุสัตว์ซึ่งทำให้ผมได้พบกับอาสาสมัครอีกคนจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ผู้ซึ่งทำงานกับฝ่ายปฏิบัติการในจังหวัดสกลนครโปรโมทผลิตภัณฑ์เนื้อวัวและเนื้อแกะจากฟาร์ม การเดินทางไปสกลนครก็น่าสนใจด้วยตัวของมันเองพออยู่แล้ว ด้วยการโดยสารรถไฟและรถทัวร์อย่างยาวนาน ตามด้วยการนั่งรถกะบะที่ใช้เวลานานเสียยิ่งกว่า Read more...

อ่านต่อไป...