เปรูมีมากกว่า Machu Picchu

ไปเยือนเปรูซ้ำ

การเดินทางไปสนามบินไม่ได้ยุ่งยากอะไร แค่นั่งแท็กซี่จากทุมเบสไปขึ้นเครื่องได้ทันเวลาพอดี เมื่อเครื่องออกมุ่งสู่ลิมา ผมมองผ่านหน้าต่างลงไปยังทิวทัศน์เบื้องล่าง แล้วก็อดที่จะนึกถึงการเดินทางท่องเที่ยวครั้งแรกของผมไปเปรูเมื่อสิบปีที่แล้วไม่ได้ ครั้งแรกในประเทศเปรูเป็นประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืม เราใช้เวลาสองสามชั่วโมงในลิมาเมื่อมาถึง ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังตอนเหนือของลิมา เพื่อมุ่งสู่แหล่งโบราณคดีต่างๆที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชม กระทรวงการค้าและการท่องเที่ยวได้จัดงานห้าวันเพื่อโปรโมทการท่องเที่ยว สู่แหล่งประวัติศาสตร์หลักๆที่สำคัญในตอนเหนือของประเทศ รวมถึงทรูยิลโล ฮัวราซ และคายามาร์กา

ในทรูยิลโลการเยี่ยมชมรวมถึงทัวร์ไปจันจัน เราได้ไปเที่ยวเดอะเวนทานิลลา เดอ โอทุซโก ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองประมาณสิบกิโลเมตร เป็นสุสานก่อนยุคอินคาซึ่งเต็มไปด้วยงานแกะสลักที่เจาะเซาะลงไปในซอกหิน และหลังจากที่อาณาจักรอินคาเรืองอำนาจ เชื่อกันว่าพวกเขาได้เจาะนำศพออกจากช่องเหล่านั้นเพื่อทำเป็นห้องเก็บธัญพืช แต่เพราะเคยมาเยี่ยมชมพื้นที่ส่วนนี้แล้ว ผมจึงตัดสินใจเดินทางตรงไปยังลิมา และมุ่งไปยังการสำรวจภาคใต้ของประเทศเนื่องจากผมพลาดทริปไปมัคชูปิจูเมื่อหลายปีก่อน

ราคาแพงในลิมา

ลิมาเปลี่ยนแปลงไป ครั้งแรกที่มาถึงเมืองนี้ สนามบินไม่ค่อยสะดวกสบายนัก ผมเสียเวลาไปพอสมควรในการหาคนที่นัดไว้ แล้วก็เหมือนสนามบินทุกแห่งบนโลกนี้ แท็กซี่เถื่อนกระหายเงินมีอยู่ทุกที่ พวกเขาตัดราคากันเอง เพื่อที่จะได้พาลูกค้าอย่างผมออกจากสนามบินไปยังจุดหมายอื่นๆตามที่ผมปรารถนา โชคดีที่ครั้งแรกผมมีคนมารับที่สนามบิน แต่รอบนี้ผมต้องหาทางเข้าเมืองเอง ผมมีที่อยู่ของเจ้าของบ้านที่ผมจะไปพัก แล้วก็ได้รับการเตือนล่วงหน้า ให้นั่งแท็กซี่จดทะเบียนจากศูนย์บริการที่สนามบิน ซึ่งทำให้ผมตระหนักว่าประเทศนี้แพงขึ้นแค่ไหน ในจำนวนประเทศทั้งหมดในทวีปอเมริกาใต้ เปรูเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพแพงที่สุด รองลงมาจากบราซิล ในขณะที่เมืองหลวงอื่นๆค่าแท็กซี่ตกราวแปดถึงสิบห้าเหรียญ ด้วยระยะทางเดียวกันในลิมาค่าแท็กซี่แพงขึ้นอีกถึงสองเท่า มันเป็นเวลาบ่ายแก่เมื่อผมมาถึงแล้วก็เดินทางไปตามถนนเลียบมหาสมุทร ไปยังแถบมิราฟลอเรสของเมือง พื้นที่แถบนี้เป็นแหล่งที่ร่ำรวยที่สุด และยังมีวิวของคาบสมุทรแปซิฟิกที่สวยงามที่สุด มาถึงบ้านเจ้าของที่ผมเข้าพัก ผมใช้เวลาจัดแจงตัวเองไม่นานนัก ก่อนจะพร้อมออกไปรับประทานอาหารค่ำ และไปยังห้างสรรพสินค้าเพื่อหาซื้อซิมการ์ดใหม่ไว้ใช้เมื่อจำเป็น

เข้าร่วมทัวร์เดินเล่น

Read more... อ่านต่อไป...

จักรยานยนต์รถประจำทางแท็กซี่และโชคชะตา

นินจา   เจดีย์ที่สูงที่สุดของโลก และดวงชะตาของผม

ผมขี่มอเตอร์ไซต์บ่อยมากเมื่อผมประจำการที่ราชบุรี แต่บ่อยครั้งอีกเช่นกัน ที่ผมไม่อยากจะไปข้องเกี่ยวกับความวุ่นวายที่ต้องพยายามหลบให้พ้นทางรถสิบล้อบรรทุกซุง หรือนินจาหมวกขาวที่อยู่บนถนน และยากที่จะหลบเลี่ยง การถูกหนึ่งในนั้นพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ที่ซุ่มอยู่เพื่อขอดูใบขับขี่ แล้วก็บอกคุณว่าการที่ขี่บนเลนขวาบนถนนทำให้เขาต้องออกใบสั่งซึ่งผมจะต้องไปจ่ายค่าปรับถึงสี่ร้อยบาทและนั่นมันคือสิบเปอร์เซ็นของเงินเดือนผมทีเดียว ดังนั้นผมไม่ควรที่จะได้ใบสั่งใดๆทั้งสิ้น สรุปสั้นๆ เพราะไม่งั้นบทสนทนานี้คงจะกินเวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง เป็นอันเข้าใจตรงกันว่าถ้าจ่ายค่าปรับซะตรงนั้นก็จะได้ไม่ต้องปวดหัว เพราะนินจาไม่ต้องกลับไปสถานีเพื่อลงบันทึกประจำวันซึ่งก็ต้องเสียเวลาอีกเป็นชั่วโมง ส่วนผมเองก็ไม่ต้องไปสถานีเพื่อกรอกเอกสารใดๆเพื่อจะได้ใบขับขี่คืนมา ดังนั้นเพื่อเลี่ยงความวุ่นวายเหล่านี้้ผมจึงกระโดดขึ้นรถประจำทางสีส้ม เสียค่าโดยสารสิบแปดบาทเพื่อนั่งไปยังจังหวัดที่ใกล้ที่สุดนั่นก็คือนครปฐม ผมชำนาญการกระโดดขึ้นรถและพวกคนขับก็รู้จักผมดีพอที่จะชะลอรถ ที่ระดับความเร็วยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงเพื่อให้ผมโหนตัวเกาะราวขึ้นรถทัน

 

 

เจดีย์โบราณที่สูงที่สุดในโลก

นครปฐมเป็นเมืองที่น่าสนใจ ตลาดเต็มไปด้วยสีสันและมีชีวิตชีวา และตั้งอยู่แค่ข้ามฝั่งจากพระปฐมเจดีย์ ถือเป็นพระสถูปเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ความสูง 120.5 เมตร พร้อมกับพระประวัติที่น่าสนใจยิ่ง พระเจดีย์ดั้งเดิมเชื่อกันว่าสร้างในราว 193 ก่อนคริสต์ศักราช ภายในพื้นที่ของวัดที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ 325 ก่อนศริสต์ศักราช เชื่อกันว่าพระเจดีย์นี้เป็นหนึ่งในพระเจดีย์ยุคโบราณของนครปฐมซึ่งเป็นวัฒธรรมสมัยทราวดีที่ยิ่งใหญ่ ตามตำนานกล่าวว่าพระเจดีย์ดั้งเดิมสร้างโดยกษัตริย์ซึ่งเป็นพระโอรส เพื่อเป็นการไถ่บาปที่กระทำปิตุฆาตต่อพระบิดา หลายร้อยปีต่อมา พระเจดีย์ในรูปแบบศิลปะสมัยขอมได้ถูกสร้างครอบทับพระเจดีย์องค์เดิมซึ่งถูกครอบทับด้วยพระเจดีย์ในปัจจุบันอีกครั้ง

ส่วนที่ดีของการขี่รถจากราชบุรีไปยังนครปฐมและต่อไปกรุงเทพฯคือการได้นั่งรถสามล้อจากจุดรับส่งผู้โดยสารของรถส้มไปยังสถานีรถทัวร์ปรับอากาศ ซึ่งมีระยะทางราวๆสองกิโลเมตร แล้วก็ขับพาคุณผ่านตลาดผักผลไม้และตรอกซอกซอย กลิ่นหอมที่ลอยมากระทบจมูกและสีสันเหล่านั้นช่างน่ามหัศจรรย์ และนั่นก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีกับการเยี่ยมชมเมืองขนาดเล็กในประเทศไทย ผมไม่ได้เดินทางแบบนั้นมากว่าสิบปีแล้ว แล้วผมก็ไม่คิดว่าจะกลับไปทำได้อีก เศรษฐกิจที่ปรับตัวพัฒนาได้เปลี่ยนโฉมหน้าเมืองนั้นไปหมดสิ้น แทบจะไม่หลงเหลือภาพและบรรยากาศเดิมๆของเมืองเก่าให้เห็นอีกแล้ว Read more...

อ่านต่อไป...

ระบบราชการและพรมแดน

นรกจริงอยู่ที่ชายแดน

ถึงแม้ว่าผมจะพูดถึงสถานที่เที่ยวทั้งหมดในเอกวาดอร์ระหว่างการถกกันเมื่อวันก่อน ผมก็ไม่สามามารถเปลี่ยนแผนการเดินทางได้ และต้องไปขึ้นรถที่สถานีเพื่อจะเดินทางต่อ จากควิโตไปทุมเบสในเปรู รองเท้ายังเปียกชื้น ผมจึงต้องใส่รองเท้าแตะคร็อกแต่เพียงอย่างเดียว แต่ก็ช่างมันเหอะ เพราะผมก็จะอยู่บนรถตลอดต่อจากนี้แล้วก็ต่อด้วยการขึ้นเครื่อง รอให้รองเท้าผมแห้งภายในข้ามคืน การเดินทางที่ยาวนานอีกรอบ รวมๆแล้วเกือบจะสิบสี่ชั่วโมงจากชายแดนเปรู และอีกสี่ชั่วโมงจากทุมเบส การเดินทางราบรื่นตลอดเส้นทาง เสื้อแขนยาวทับด้วยฮู้ดแล้วก็สวมแจ็คเก็ตทับอีกชั้น และด้านในสุดยังสวมเสื้อยืด ทำให้ผมรู้สึกอุ่นสบายตลอดคืน ร้านอาหารตลอดเส้นทางรสชาติดี และผมก็สั่งอาหารเก่งขึ้น จากนั้นเราก็ข้ามเขตชายแดน ถึงแม้ประสบการณ์ที่ไม่ดีก่อนหน้านี้ทำให้ผมหวาดผวาการข้ามชายแดนไปยังเวเนซูเอลา แต่การข้ามชายแดนจากเอกวาดอร์ไปยังเปรูเกือบเป็นเรื่องยากหรือแม้แต่หนักกว่า เรามาถึงชายแดนช่วงดึกและผู้โดยสารทั้งหมดก็ต้องลงจากรถ ต่อแถวและรอ ตึกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีเจ้าหน้าที่ทำการของทั้งเอกวาดอร์และเปรู และมีผู้โดยสารอีกกลุ่มหนึ่งรออยู่ก่อนหน้าเรา

เช้าชาม  เย็นชาม…

หลังจากยืนรออยู่ครึ่งชั่วโมงก็เริ่มมีการขยับตัว และผมก็ยังต่อแถวอยู่ที่ไหนสักที่นอกสำนักงานที่กำลังจัดการกับเอกสาร อีกครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นผมจึงได้เข้าไปถึงด้านในของตึกและเห็นว่าเกิดอะไร เจ้าหน้าที่สองคนนั่งอยู่หลังเคาเตอร์ ผมจะพยายามวาดภาพให้คุณได้จินตนาการตาม เจ้าหน้าที่สองคนในหนึ่งเคาเตอร์ ผู่โดยสารร้อยห้าสิบคนที่ยืนรออยู่ เจ้าหน้าที่คนแรกพิมพ์ข้อมูลในแบบฟอร์มขาออกที่หนาเกือบเท่าพระคัมภีร์ทั้งเล่ม ลงในคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็ส่งต่อพร้อมพาสสปอร์ตและเอกสารอื่นๆ ไปให้เจ้าหน้าที่อีกคนเพื่อเช็คความถูกต้องของข้อมูลที่กรอกเข้าระบบให้ตรงกัน แล้วจึงประทับตราและยื่นให้ผู้โดยสาร ทั้งหมดใช้เวลาราวห้านาทีต่อผู้โดยสารหนึ่งคน และนั่นคือแค่เสร็จสิ้นในส่วนของการออกจากเอกวาดอร์ยังไม่รวมถึงขั้นตอนเข้าเปรู ผมเริ่มต้นคำนวน ห้านาทีต่อหนึ่งคน ผู้โดยสารก่อนหน้าผม หนึ่งสองสามสามสิบห้าสามสิบห้าคูณห้าเท่ากับร้อยเจ็ดสิบห้านาที โอ้ Read more...

อ่านต่อไป...

การรักษาความเป็นส่วนตัวและการเมือง

เลือกความเงียบเหนือทางออกอย่างรวดเร็ว … จากชีวิต

ผมยกคำถามต่างๆมากมายที่คุณจะพบในประเทศไทยมาพูดถึงในบล็อกก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับการเรียนรู้การปรับตัวในการอยู่เมืองไทย และแน่นอนความคิดที่จะเขียนหนังสือ ที่ใช้ชื่อว่า “20 คำถาม” มันมีอะไรมากกว่าพวกคำถามพื้นฐาน ที่ผู้มาเยือนเมืองไทยครั้งแรกควรต้องรู้ และความจริงมันก็มีอะไรที่โหดมากกว่า ที่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ และในบางครั้งยังต้องอาศัยความอดทน เพื่อปรับตัวกับสถานการณ์และความเป็นไป มีทั้งสิ่งที่ต้องปฏิบัติและวิถีสังคม ที่ผมได้เขียนครอบคลุมไว้ รองเท้าและเท้า อาหารที่วางบนพื้น การไหว้ ภาษา ภาพยนตร์เห่ยๆ เหล้าถูกๆ การทำงาน สุดสัปดาห์และวันหยุด ชายทะเล การจับมือทักทายและการแตะต้องตัวในรูปแบบอื่นๆ การต้อนรับแขกผู้มาเยือน เรี่องราวเกี่ยวกับภูติผี การเดินทางท่องเที่ยวบนหลังมอเตอร์ไซต์ และฝูงวัว แต่มันมีอะไรนอกเหนือกว่านั้นที่มีผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นส่วนตัว

หลังจากเรียนรู้มากขึ้นมาปีกว่า วันหนึ่งจู่ๆผมก็พูดถึงการยกมือโหวต ในการประชุมสำคัญของกลุ่มผู้ถือหุ้น มันจะเป็นวิธีที่ง่ายมากที่จะข่มขู่คน เพราะคุณสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเข้าลงคะแนนให้ใครแทนที่จะโหวตกันลับๆ แต่แล้วพรายกระซิบก็เตือนผมให้ปิดปากและอย่ามีความเห็นอะไร ซึ่งเป็นคำแนะนำที่ดี เพราะผมได้ยินมาว่าใครคนหนึ่งที่อยู่อีกภาคที่ยกประเด็นนี้มาพูด เขาต้องออกจากงานภายในชั่วโมงนั้นเพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตของเขาเอง และคนอื่นๆก็ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นั้น บ่อยครั้งที่ผมเลือกที่จะออกไปอย่างเงียบๆ แทนที่จะถูกช่วยให้ออกจากชีวิตอย่างถาวร ตัดสินใจได้อย่างง่ายดาย เพราะตัวเลือกมันดูสมเหตุสมผลมากต่อคุณภาพชีวิตของผม

ความเป็นส่วนตัวไม่มี

นอกจากนี้แล้วยังมีหัวข้ออื่นๆเกี่ยวกับพื้นที่ส่วนตัวหรือการเคารพความเป็นส่วนตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่คนไทยไม่เข้าใจหรือไม่ยอมรับ ในหลายสถานการณ์และโอกาส ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับคุณไม่ต่างจากหน้าหนังสือที่เปิดค้างไว้ให้ทุกคนได้อ่านอย่างหมดเปลือก จุดนี้หมายถึงความเป็นส่วนตัว ผมได้เรียนรู้การวางตนที่ควรในที่ประชุมที่จัดขึ้น หกเดือนหลังจากที่ผมเดินทางมาประเทศไทย Read more...

อ่านต่อไป...

ศิลปะโบราณและสมัยใหม่

ประวัติที่ลืมไป, ศิลปะเร้าอารมณ์และหลักการ!

Nadie pudo
recordarlas después: el viento
las olvidó, el idioma del agua
fue enterrado, las claves se perdieron
o se inundaron de silencio o sangre.

[No one could
remember them afterward: the wind
forgot them, the language of water
was buried, the keys were lost
or flooded with silence or blood.]

-Pablo Neruda, Read more...

อ่านต่อไป...