เหตุการณ์ที่ (ไม่) พึงประสงค์อื่น ๆ ในเวเนซูเอลา
ถึงแม้อยากจะหลีกหนีโลกภายนอกไปนานแค่ไหน เราก็ต้องกลับไปสู่ความเป็นจริงในที่สุด และเช้าวันที่เราต้องกลับก็เป็นอีกครั้งกับการเดินทางอันยาวนานของผม รถโดยสารจะออกจากมาราไกเวลาบ่ายสี่โมงครึ่ง ดังนั้นเราจึงต้องออกจากโชโรนีราวๆเที่ยง เราจัดกระเป๋า รับประทานอาหารเช้าอย่างเงียบๆในตัวเมือง แล้วก็หาแท็กซี่ไปส่งเรา หลังจากการเดินหารถที่ไม่มีแววจะประสบความสำเร็จ เราได้พบกับสุภาพบุรุษหนุ่มที่จะไปมาราไกเพื่อหาซื้ออะไหล่ท่อไอเสียใหม่ หรืออะไรสักอย่างสำหรับรถยนต์ของเขา ถูกกว่าตอนมา เราเลื่อนตัวนั่งลงในเบาะหลัง และก็ลุ้นระทึกไปกับชีวิตบนเส้นด้ายตลอดเวลาชั่วโมงครึ่ง กับสปีดการขับที่เร้าใจเร็วเกือบสองเท่ากว่าตอนขามา มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องไม่นั่งฝั่งที่ต้องเห็นความสูงชันของชะง่อนผาที่ดิ่งสู่เหวลึก แต่ก็อีกนั่นแหละ อีกฝั่งคือเลนที่เห็นรถวิ่งสวนมา ไม่ว่าจะอย่างไร คุณก็ต้องขวัญหนีดีฝ่อและใจหวิวจากการเห็นผาสูง หรือไม่ก็การจราจร ที่พุ่งตรงเข้าหาเราอย่างเร็วไม่ต่างจากกระสุนปีนกลที่ระดมยิ่งใส่จากฝั่งตรงข้าม
ท้องฟ้าครึ้มตั้งแต่เมื่อวันก่อนหลังจากเรากลับมาถึงโพซาดาที่เราพัก แล้วก็ตกกระหน่ำตลอดทั้งคืน และถึงแม้มันจะแห้งแล้วเมื่อตอนเราออกจากโชโรนี ครึ่งทางระหว่างเส้นทางขากลับฝนก็เริ่มตกลงมาอีกครั้ง ถึงจะไม่ได้ตกกระหน่ำอย่างหนัก แต่ก็มากพอที่จะทำให้ทัศนวิสัยการขับขี่แย่ลงและถนนลื่น เมื่อเรามาถึงมาราไก เราค้นหาท่ารถแล้วก็เจอในที่สุด เราลงแท็กซี่ และพยายามมองหาบริษัทตัวแทนรถโดยสารของเรา แต่ช่องขายตั๋วยังปิดอยู่ มันแค่บ่ายสอง และรถก็ยังไม่ถึงเวลาออกจนกว่าจะสี่โมงครึ่ง เราเจอร้านอาหารเล็กๆแล้วก็เลยหาอะไรง่ายๆกินพร้อมดื่มฆ่าเวลาไป
สัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรไม่มีความหมาย
เกือบสี่โมงเย็นเราเดินกลับมาที่ช่องขายตั๋ว และเจอพนักงานขายตั๋ว แต่เขากำลังเดินออกไปที่ไหนสักที่ เราจึงโทรตาม แต่ก็ต้องรอเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าเขาจะกลับมา เราแทบหมดหวังเพราะรถจะออกภายในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที แล้วเราต้องเปลี่ยนใบเสร็จเป็นตั๋วโดยสารใบจริง เขามองมาที่เราด้วยแววตาว่างเปล่า … Read more...
อ่านต่อไป...