โบสถ์ยูเนสโกและสภาพอากาศที่มีพายุ
เช้าวันรุ่งขึ้นผมกลับขึ้นรถอีกครั้ง เตรียมเดินทางไป Isla Grande de Chiloe เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับห้าของทวีป ระยะทางประมาณ 110 กิโลเมตรทางตอนใต้ของเปอร์โตเวราซ ไม่มีสะพานข้าม ผมจึงโหลดรถขึ้นเรือเฟอรีที่บรรทุกยวดยานพาหนะได้เที่ยวละสิบคัน ข้ามฟากแค่ระยะสั้นๆแต่หนาวชะมัด อากาศเปลี่ยน ปกคลุมด้วยเมฆ สลับกับฝนตกพรำในบางครั้ง มีคนบอกผมว่าเกาะนี้เป็นสถานที่ซึ่งน่าประทับใจ สมควรมาเที่ยวชม และผมก็กำลังเดินทางไป เหมือนกับในวันก่อนแทนที่จะใช้ถนนเส้นหลัก ผมเลี่ยงมาใช้ถนนที่ไม่ได้ราดยางแทนในทันทีที่เบี่ยงได้ – อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ชาญฉลาดสุด และบางครั้งผมก็คิดว่าผมอาจตัดสินใจผิด แต่การค้นพบอะไรใหม่ๆระหว่างเดินทางนั้นคุ้มค่ายิ่งนัก มีเส้นทางที่เรียกว่าเส้นทางสู่โบสถ์ เส้นทางที่นำพาผู้มาเยือนและนักแดินทางแสวงบุญสู่โบสถ์แห่งพระบิดาหลายแห่งซึ่งงดงามแปลกตา ทุกแห่งล้วนมีเรื่องราวที่มาที่สำคัญ โบสถ์ส่วนใหญ่สร้างจากไม้ ผมไม่ได้หยุดแวะชมมากนักด้วยมีหลายสถานที่มากเกินกว่าที่จะเที่ยวได้ครบภายในวันเดียว โบสถ์หนึ่งในนั้นชื่อ Iglesia Caguach ซึ่งต้องต่อเฟอรีหลายลำและใช้เวลาเกือบทั้งวันเพราะมันตั้งอยู่บนเกาะอีกแห่ง โบสถ์ส่วนใหญ่ถูกพบในด้านฝั่งตะวันออกของชายฝั่ง และหลายแห่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก
เมืองที่น่าหลงใหลในเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของอเมริกาใต้
คล้ายๆกับการเดินทางไปรอบ ทะเลสาบเมื่อวันก่อนชนบทที่นี่แผ่กระจายไปตามพื้นที่ชายฝั่ง ถึงแม้จะโชคไม่ดีที่ฝนไม่ได้หยุดตกนานกว่าครึ่งชั่วโมง ทำเอาขับรถไม่ราบรื่นไปเกือบทั้งวัน … Read more...
อ่านต่อไป...