การรีบูตอาชีพ – หลังจากความวิตกกังวล

เกลัวที่จะถูกลืม

หลังจากผ่านไปกว่า 25 ปี ของการสวมบทบาทหน้าที่ในละครต่างๆ (ราวกว่าร้อยเรื่อง) ผมมองย้อนกลับไปถึงประสบการณ์ทั้งหมด และพูดได้ว่านานาประการที่ผ่านมาช่างดีงาม และบางอย่างที่ไม่ดีนัก ผมสนุกกับการเข้าฉาก แต่งตัว และสวมบทบาท แต่แล้วก็วิตกกังวลเมื่อไม่ได้รับโทรศัพท์ ถูกขอร้อง หรือไม่มีงานเข้า รายได้พิเศษจากการแสดงช่วยค่าใช้จ่ายได้มาก และช่วยป้องกันการถูกประท้วงจากพนักงานบริษัทของผม มันไม่ได้หมายความว่ารายได้ไม่ได้เป็นที่ถูกใจในปัจจุบัน ยิ่งมาก ยิ่งดี แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมมีทางเลือกมากขึ้น และไม่กังวลหากไม่ได้รับการติดต่อ ผมหยุดเครียดและคิดว่าอาจตกยุคหรือแก่เกินกว่าที่จะสวมบทบาทใดๆ (พิจารณาจากการที่เห็นดาวจรัสแสงมากมายที่โดดเด่นในวงการมาเป็นปี และสุดท้ายก็เงียบหายไปหลังจากสามปี ผมถือว่ายังโชคดีและรู้สึกขอบคุณผู้อำนวยการสร้างและบริษัทต่างๆที่ให้โอกาสผมได้ทำงาน)

ความวิตกกังวลอย่างหนักที่ผมมีคือประมาณสิบปีหลังจากเริ่มงานแรกและทำมาอย่างต่อเนื่อง ผมเป็นนักแสดงอิสระไม่สังกัดช่องใด และแสดงละครกับหลายช่องยกเว้นช่องหนึ่ง สัดส่วนการตลาดนั้นมีความแตกต่าง มีช่องหลักในไทยที่แข่งกันในส่วนแบ่งหลักในตลาดสองช่อง ผมเล่นหลายบทบาทในละครหลายเรื่องกับช่องหนึ่ง ในขณะที่ไม่ได้เล่นกับอีกช่องเลย จนกระทั่งได้รับการทาบทามให้สวมบทที่ผมไม่อยากปฏิเสธ ผมรับบทนั้น ทำงานอย่างสนุก และได้รับกระแสตอบรับที่ดี และแล้วความวิตกก็เข้ามา นอกจากความจริงที่ว่าผมไม่ได้เซ็นสัญญาช่อง ผมเริ่มสงสัยว่าการที่ผมไปเล่นให้อีกช่องจะเป็นการสิ้นสุดอาชีพของผมหรือไม่ ช่องดั้งเดิมอาจไม่พอใจที่ผมไปเล่นให้ช่องคู่แข่ง แต่ไม่มีใครพร้อมจะเซ็นสัญญา แล้วจะให้ผมทำอย่างไร ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีข้อเสนอ ไม่มีการสนทนากันเรื่องงานในอนาคต

18 เดือนของการรอคอยและกังวล

Read more... Continue reading...

จากผู้แข่งขันไปจนถึงนักแสดงละคร

ความพยายามครั้งแรกในการแสดง

สุรีรัตน์ล่องหนและผม นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่ช่วยให้เธอหายตัวได้ ผมสาบานเลยว่าแม้แต่ต้นไม้ที่ลานหน้าบ้านของผมยังสง่างามและพริ้วไหวแถมอาจจะสวมบทบาทได้ดีกว่าผมเสียด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มผอมโย่งวัยยี่สิบห้าผู้ไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ และบางครั้งก็ห้อยหัวโหนตัวอยู่บนต้นไม้พยายามแกล้งให้ตัวละครคนอื่นตกใจ ซีรีส์ดำเนินไป ซีนที่ผมสติค่อยๆหลุดนั่นคือไฮไลท์ของตอน บางครั้งที่ผมสลบไปพร้อมน้ำลายยืด หรือจะอะไรก็แล้วแต่ที่บทส่งมา (เชื่อเหอะว่าทอม ครูซไม่เคยต้องทำอะไรแบบผม) แต่ทุกอย่างคือช่วงเวลาที่แสนวิเศษ และผมก็ยังสนุก (โดยส่วนใหญ่) กับการถูกตามตัวไปสวมบทอะไรแบบนี้หรือแสดงเป็นตัวละครอื่นๆ

ทำงานเพื่อให้ตรงตามกำหนดเวลา

จะว่าไปคนส่วนใหญ่ชอบคิดว่าการทำงานในกองถ่ายเป็นเรื่องสวยหรู และยิ่งละครที่ผู้ชมได้ชมนั้นทุกอย่างดูเสมือนง่ายและสมบูรณ์แบบ แต่เชื่อเหอะ ผมยังไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง (ไม่ว่าจะอยู่เบื้องหน้าหรือเบื้องหลังกล้อง) ที่งานไหนจะผ่านไปได้อย่างราบรื่น และซีรีส์แรกที่ผมแสดงก็เจอปัญหาเป็นครั้งคราว แต่ผมไม่ได้คิดอะไรมาก ผมว่าทุกอย่างคือช่วงเวลาที่น่าประทับใจ ผมไม่ควรจะเล่าเรื่อยเปื่อยมากนัก แต่ก็มีหลายช่วงที่ดีและไม่ดี ไม่ว่าจะผ่านมาเนิ่นนานกี่ปี สงครามกระชากเรทติ้ง ก็ยังมีอยู่เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ และไม่ใช่เรื่องแปลกที่แต่ละสถานีจะมีละครเรื่องใหม่ออกอากาศทั้งที่ยังถ่ายทำไม่เสร็จสมบูรณ์ (ยกตัวอย่าง ผมเล่นเรื่องหนึ่งที่มีเพียงสองตอนที่ถ่ายเสร็จ แล้วก็ต้องรีบอัดที่เหลืออีกสิบสามตอนให้เสร็จภายในหกอาทิตย์ แต่นั่นก็อีกเรื่อง) เรื่องนี้ก็เช่นกัน โชคดีที่่แต่ละตอนส่วนใหญ่ถ่ายทำไปแล้ว ดังนั้นถึงแม้จะมีความกดดัน การถ่ายทำที่เหลือก็ยังพอจะชิลล์กันได้บ้าง ยกเว้นตอนหนึ่งที่เจาะจง นัดนักแสดงตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าที่โลเคชั่นในกรุงเทพฯ พวกเรามาถึง รับประทานอาหารเช้า แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว Read more...

Continue reading...