อุบัติเหตุ ตารางเวลารถโดยสาร และกรับ

อย่าเชื่อทุกสิ่งที่คุณอ่าน (ยกเว้นบล็อกนี้)

หนึ่งหรือสองตอนที่แล้วผมพูดถึงการเดินทางด้วยรถทัวร์ในอเมริกาใต้ ผมขึ้นรถจากซานจิลไปคูคูตาราวบ่ายสอง และคาดหวังว่าจะถึงบ้านที่ผมเข้าพักในคูคูตาประมาณสองทุ่ม ฝันไปเหอะ เมื่อคุณดูตารางรถทัวร์ที่พิมพ์แจกในอเมริกาใต้ คุณต้องบวกเข้าไปอีกหนึ่งชั่วโมงในทุกๆสี่ชั่วโมงของการเดินทางตามตารางรถ ทริปของผมที่ควรจะเป็นหกชั่วโมง กลับกลายเป็นการเดินทางที่แสนยาวนาน และผมก็ไม่อาจโยนความผิดให้คนขับได้

 

ทุกอย่างวุ่นวาย

การเดินทางเริ่มต้นอย่างราบรื่น อากาศดี วิวในชนบทร่มรื่นสบายตา ตกค่ำอุณหภูมิลดลง และในไม่ช้าฝนก็เริ่มตก เฮ้อ นักเดินทางที่น่าสงสาร ผมไม่เคยจำบทเรียนที่จะแพ็คเสื้อแจ็คเก็ตผ้าอุ่นๆและผ้าห่มติดตัวเวลาขึ้นรถทัวร์รอบดึก เมื่อถึงหกโมงเย็นก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าผมจะไม่มีทางถึงที่หมายในเวลาสองทุ่มอย่างแน่นอน เดาคร่าวๆก็น่าจะราวสี่ทุ่ม เพราะฝนที่ตกลงมายิ่งทำให้รถเคลื่อนตัวได้ช้าลง ในขณะที่เรากำลังขับผ่านหุบเขา สัญญาณมือถือเริ่มขาดหาย ทันทีที่มีสัญญาณ ผมจึงรีบส่งข้อความให้ปลายทางรับทราบว่าตอนนี้ผมกำลังอยู่ที่ไหนและจะถึงประมาณกี่โมง เฮ้อ ผมช่างไม่ต่างจากเด็กหลงทางในป่าทึบ การเดินทางหนึ่งวันจากโบโกตาไปซานจิลผ่านไปด้วยดี ไม่ยุ่งยากแต่อย่างใด แต่กระนั้น เมื่อถึงสามทุ่มผมก็รู้แล้วว่าการจะถึงคูคูตาก่อนเที่ยงคืนนั้นแทบไม่มีหวัง ฝนตกหนักขึ้น การจราจรทั้งสองฝั่งRead more...

อ่านต่อไป...

ประเทศไทยอยู่ที่ไหน?

ประเทศไทยอยู่ที่ไหน?

คุณจะถูกส่งไปที่ประเทศไทย” ปลายสายที่โทรเข้ามากล่าว เสียงของเธอคล้ายลังเลปนขอร้อง เหมือนเธอหวังว่าการโทรแจ้งข่าวผมในครั้งนี้จะเป็นความจริงเสีย ‘เอาเถอะ ตามสบาย’ ผมคิดในใจและความเงียบก็คือคำตอบของผม เป็นครั้งที่สามแล้วในรอบสามเดือนที่ผมต้องรับสายเช่นนี้ โทรมาแจ้งแล้วยกเลิก ก็คงเหมือนที่ผ่านมา ครั้งนี้ก็คงถูกยกเลิกอีก ผมคงไม่บ้ารีบพุ่งตรงไปยังห้องสมุดเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยเหมือนที่ผมเคยทำตอนได้รับสายแบบสองครั้งที่แล้วมาหรอกนะ

เมื่อผมอ่านประโยคสุดท้ายอีกครั้งและคิดถึงการไปห้องสมุดเพื่อค้นหาหนังสือ มันอดจะกระทบใจไม่ได้ที่โลกเราได้เปลี่ยนไปอย่างมากตลอดสามสิบปีที่ผ่านมา ไม่มีใครไปห้องสมุดเพื่อค้นหาหนังสืออีกแล้วนอกจากนักเรียนที่จำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลหนังสือเรียนของมหาลัย แต่ยังไม่มีอะไรเทียบได้การนั่งบนเก้าอี้ที่สุดสบายในห้องสมุดแล้วค่อยๆเปิดหนังสืออ่านอย่างช้าๆ เลื่อนอ่านย่อหน้าต่อย่อหน้าอย่างไม่เจาะจงและปล่อยจินตนาการไปกับตัวอักษร หรือบางครั้งความสนใจที่เพิ่มมากขึ้นก็ผุดขึ้นระหว่างการอ่านหนังสือเล่มแรกนั่นแหละ จนต้องลุกขึ้นไปค้นหาหนังสือเล่มใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องนั้นเพื่อค้นหาต่อ แล้วกลับมานั่งในมุมโปรดที่เงียบสงบ หรือแม้แต่การปล่อยใจไปกับหนังสือภาพที่ไร้ตัวอักษรหรือข้อความบรรยายใดๆ ภาพพิมพ์สีสันสดใสบนกระดาษมันเงาของหนังสือเล่มเขื่องที่เหมาะกับใช้ประดับห้องนั่งเล่น ดังประโยคคุ้นเคยที่เรารู้จักดี A picture speaks a thousand words.” และบางครั้งภาพถ่ายก็บรรยายความรู้สึกของจินตนาการที่ไร้ขอบเขตได้ดีและมากเกินกว่าที่จะบัญญัติเป็นคำพูดได้

คุณปล่อยใจได้ตามสบาย จะอ่านแล้วใช้จินตนาการอย่างไร แค่ไหน เกี่ยวกับสถานที่และประเทศเหล่านั้นก็ได้ ความคิดคุณเปิดกว้างไปตามตัวอักษรและรูปภาพที่เห็น มันอาจจะจริงหรือไม่จริง ไม่มีอะไรมากำหนดว่าความคิดและจินตนาการของคุณถูกหรือผิด ตราบใดที่เท้าคุณยังไม่ได้สัมผัสผืนแผ่นดินจริงของสถานที่และประเทศเหล่านั้น มันเป็นสิทธิ์ของคุณที่จะฝันไปให้ไกลและเท่าที่คุณต้องการ ไม่เหมือนทุกวันนี้ซึ่งเป็นแค่การท่องข้อมูลออนไลน์จิ้มนิ้วพิมพ์ชื่อประเทศ และข้อมูลรายละเอียดทุกอย่างก็ปรากฏอยู่บนหน้าจอ มีเวปเป็นหมื่นเป็นพันที่มีข้อมูลที่คุณจะต้องค่อยๆตรวจและเสาะหากว่าครบถ้วน และไม่หลงเหลือเวลาจะได้ใช้จินตนาการฝันถึงดินแดนที่ไม่รู้จัก เพราะสมัยนี้ใครๆก็ออนไลน์และตั้งตนเป็นนักวิจารณ์ พวกเราไม่มีอินเตอร์เน็ตในสมัยนั้นและเราก็แทบจะไม่มีคอมพิวเตอร์ และคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ก็ช่างขนาดใหญ่ยักษ์ น่าตลกที่สามสิบปีสามารถสร้างความแตกต่างได้ถึงเพียงนี้

ครั้งที่สาม…

และสายที่โทรเข้านี้ก็กำลังบอกว่าผมจะได้เดินทางไปประเทศไทย นี่เป็นครั้งที่สามแล้วในเดือนพฤษภาคมที่ผมได้รับสายแจ้งเรื่องงานและจุดหมายที่จะไป รอบแรกบอกผมว่าผมจะได้ไปปาปัวนิวกินี Read more...

อ่านต่อไป...

อาหารและ Déjà vu ที่ ซานจิล

บนท้องถนนไปที่ชายแดน

มีที่ให้เที่ยวมากมายในโคลอมเบีย เหตุผลเดียวที่มาหยุดที่ซานจิลแทนที่จะไปคาตาเกนาเพราะผมต้องการไปเวเนซูเอลา และซานจิลก็สะดวกอยู่แค่ครึ่งทางระหว่างโบโกตาและคูคูตา สิ่งที่ผมไม่ได้ตระหนักเกี่ยวกับซานจิลคือที่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของสารพัดกิจกรรมผจญภัย ตั้งแต่ปั่นจักรยานจนถึงล่องแพ ปีนผาจนถึงขี่ม้า และอีกมากมาย น่าเสียดายที่ผมมารู้เอาทีหลังแล้วผมก็ดันจองตั๋วรถทัวร์ไปคูคูตาเสียแล้ว

 

Déjà vu ที่ ซานจิล

ซานจิลเป็นเมืองเล็กๆซึ่งมีจตุรัสกลางเมืองที่สวยงามและตลาดที่มีสีสันและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา  ก่อนที่จะมาถึงที่นี่ ผมยังไม่เคยได้ซื้ออาหารกินเองเลย เพราะที่ผ่านมามีคนพาผมไปชิมโน่นนี่ตลอด ที่นี่แตกต่าง เดินเล่นชมตลาดตอนช่วงบ่ายโมงกลิ่นอาหารที่โชยมาช่างยั่วน้ำลายและทำให้ท้องร้องจ๊อกๆเลยทีเดียว ไม่มีอะไรควรทำมากไปกว่าการรีบหาร้านและก็สั่งอาหารมากินเพื่อหยุดเสียงประท้วงจากกระเพาะ ปัญหาคือ ผมไม่รู้ว่าจะสั่งอาหารอย่างไร หรือเรียนรู้ว่าร้านอาหารส่วนใหญ่มีเมนูเซ็ตอาหารกลางวันขาย อาหารกลางวันที่มีทั้งซุป ผัก เนื้อสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่ง ข้าวหรือมันฝรั่ง แล้วก็ขนมหวาน รวมทุกอย่างไว้อย่างครบเซ็ต

ขณะที่ผมเดินไปตามแผงร้านขายอาหารต่างๆ ตาผมก็ไปสะดุดกับเมนูข้าวหน้าไก่ที่ดูน่าเอร็ดอร่อยจานหนึ่ง และตลอดการพยายามสื่อสารและใช้ภาษามืออย่างเงอะงะ ในที่สุดผมก็สามารถสั่งอาหารจานหนึ่งที่อยากกินได้สำเร็จ ด้วยรอยยิ้มที่เชื้อเชิญและให้นั่งรอ วินาทีนั้นเสมือนโลกจะหยุดหมุนไปชั่วขณะ แล้วความทรงจำหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในห้วงคิด พร้อมกับรอยยิ้มที่ทาบทับบนใบหน้าของผม คล้ายกับผมกำลังย้อนเวลากลับไปเมื่อสามสิบปีก่อนที่เหตุการณ์เดียวกันนี้ได้เกิดขึ้น เดือนเดียวกัน และ ณ เวลาเดียวกันที่แทบจะทับซ้อนเป็นเดจาวู สิงหาคมปีคศ.1986 ผมยืนอยู่ข้างหน้าแผงขายอาหารในตลาดในหัวหิน มีร้านขายข้าวมันไก่ที่ดูน่าเอร็ดอร่อยเต็มไปหมด ด้วยการชี้นิ้วและบอกเสียงเบาๆ ผมสามารถสั่งข้าวมันไก่จานหนึ่งได้สำเร็จ อาหารที่ผมจะอิ่มอร่อยซ้ำๆอย่างไม่เบื่อไปตลอดหนึ่งหรือสองอาทิตย์ข้างหน้าจนกว่าผมจะเรียนรู้ภาษาไทยมากพอที่จะสั่งจานอื่นเช่นผักหรือหมูแทนได้บางครั้ง ขณะที่ผมนั่งรออาหารในซานจิล ผมอดที่จะอมยิ้มไม่ได้กับสถานะการณ์ที่ช่างไม่แตกต่างกันเลย

ไม่นานนักอาหารจานแรกก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ข้าวจานใหญ่โปะราดด้วยเนื้อไก่แล้วก็ผัก ต่อจากนั้นซุปก็ถูกนำมาตั้งบนโต๊ะ Read more...

อ่านต่อไป...

เดินทางเพื่อความรู้และต่อต้านการเหยียดผิว

แผนไม่จำเป็นเสมอไป

1986

เมื่อช่วงสิ้นสุดปีที่สองของการเรียนคณะเกษตรศาสตร์ของผมมาถึง และผมก็คิดว่าผมจะทำอะไรหลังจบการศึกษา ผมเริ่มมองหางานทำ อาจจะเป็นงานที่ทำให้มีโอกาสได้เดินทางด้วย ผมเรียนจบวุฒิบัตรสาขาสื่อสารมวลชนมาสองปีก่อนหน้านี้ ผมสามารถหางานทำในสายงานนี้ เช่น เป็นผู้สื่อข่าว ผมสามารถค่อยๆไต่เต้าทำงานไปเรื่อยๆและหวังว่าวันหนึ่งจะกลายเป็นนักข่าวที่รีวิวข่าวการเมืองที่สำคัญๆได้ หรืออีกใจหนึ่งก็ทำงานทางด้านผู้สี่อข่าวสายเกษตร แต่มันก็ดูไม่น่าสนใจพอกัน ผมอยากเดินทางและเขียน ก่อนที่จะตั้งตัวทำอะไรที่มีสาระและแก่นสารกับชีวิตมากกว่านี้ เช่นงานที่จริงจัง ซื้อรถสักคัน มีบ้านสักหลัง และในที่สุด อาจจะมีกระท่อมใกล้ทะเลสาบในตอนเหนือของออนตาริโอ

สามสิบปีผ่านไป ผมสามารถก่อร้างสร้างตัวได้ทุกสิ่งตามฝัน ถึงจะไม่เป๊ะซะทีเดียว แต่ก็ใกล้เคียงกับที่ฝันตอนสมัยอายุ 22 ล่ะน่า จากกระท่อมใกล้ทะเลสาบกลายเป็นกระท่อมหลังเล็กๆในหุบเขาทางตอนเหนือของประเทศไทย รถยนต์กลายเป็นรถกะบะมาตลอด แม้แต่บ้านก็กลายเป็นคอนโดในท้ายที่สุด มาดูซิว่าอีกสามสิบปีข้างหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกบ้าง แน่นอนผมยังอยากมีกระท่อมในประเทศไหนสักแห่งที่สภาพอากาศเย็นกว่านี้ และที่สามารถไปตั้งแคมป์ พายเรือคานู และล่องเรือในฤดูร้อนเป็นอีกหนึ่งทางเลือกได้

เมื่อโอกาสมาเยือน…

แล้วก็มาถึงการเรียนปีสุดท้ายของผม และผมก็ต้องเริ่มวางแผนต่างๆ ระหว่างเดินไปพบอาจารย์ที่ปรึกษาด้านอาชีพ ผมสังเกตดูบนบอร์ดของมหาลัยมีตำแหน่งงานในต่างประเทศหลายตำแหน่งเปิดรับผู้ที่สนใจอยู่ เป็นงานอาสาสมัครขององค์กรชื่อ CUSO ซึ่งก็คือ องค์กรนักเรียนแคนาดาในต่างประเทศ สิ่งที่สะดุดตาผมที่สุดคือชื่อที่อ่านออกเสียงแปลกๆเฉพาะตัวของสถานที่เหล่านั้น กาน่า เบอนิน ฮอนดูรัส ไทย มาลิ วานัวตู ปาปัวนิวกินี ฟูจิ และอื่นๆอีกมาก มันเหมือนกับการเดินเข้าไปในสนามบินแล้วแหงนหน้ามองแผงกระดานดำผืนใหญ่ที่เต็มไปด้วยชื่อต่างๆที่สลับสับเปลี่ยนตลอดไม่ต่างกับป้ายรายชื่อที่สะกดชื่อแปลกๆของดินแดนอันไกลโพ้น นี่อาจจะเป็นอะไรที่ผมน่าจะเช็คดูเสียหน่อย Read more...

อ่านต่อไป...

การเดินทางด้วยรถบัส : ตะวันออก vs ตะวันตก – ความสุขอยู่ที่การเดินทาง

อุบัติเหตุรถบัสหรือถูกยิงที่ชิคาโก อะไรน่าจะเกิดขึ้นมากกว่า

รถโดยสารในอเมริกาใต้สุดยอดมาก ไม่บ่อยนักที่คุณจะได้ฟังอะไรในทางบวกเกี่ยวกับการบริการขนส่งมวลชนในอเมริกาใต้ แต่มีทางเลือกอะไรบ้างล่ะ บริการรถไฟก็แทบจะไม่มี และในพื้นที่การให้บริการก็เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวมากกว่าเพื่อระบบขนส่งมวลชน มีคนจำนวนมากถกเรื่องความปลอดภัยของรถโดยสาร ความอันตราย บางครั้งการขับอย่างขาดความรอบคอบ ถนนที่สภาพแย่ ความปลอดภัยของผู้โดยสารในรถ และสารพัดที่จะยกมา ผมว่าพวกเขาต้องเคยแต่ขับรถส่วนตัวไปไหนต่อไหน และไม่เคยใช้บริการรถสาธารณะในเอเชียแน่ๆ

ผมเคย!

รถบัสสีส้ม – ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

ผมจำได้ดีตอนเดินทางด้วยรถโดยสารจากกรุงเทพฯไปหัวหินในเมืองไทยที่เรียกว่า “รถส้มสายมรณะ” รถโดยสารสีส้มที่แล่นระหว่างจังหวัด ถนนที่มุ่งสู้ภาคใต้ในยุคนั้นเป็นเลนคู่ สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ คลอง และไหล่ทางแคบๆ ช่วงหนึ่งรถส้มที่ผมนั่งเร่งเครื่องแข่งกับรถส้มอีกคัน กระเป๋ารถบนรถผมยื่นตัวออกไปนอกประตูโบกมืออย่างบ้าคลั่งเพื่อให้รถคันนั้นชะลอตัวลงให้คันของเราเร่งนำไปได้ แต่รถอีกคันก็ไม่ได้ยอมให้เราตัดหน้า ทันใดนั้นทั้งสองคันก็เริ่มแผดเสียงแตรใส่กันและมันก็ไม่ใช่เสียงแตรปกติแบบที่คุณได้ยินกันทุกวัน แต่เป็นเสียงแตรที่แผดก้องจนแสบแก้วหูได้ยินกันทั่วบาง และแล้วก็มีอีกเสียงตอบกลับมา เสียงบีบแตรอย่างยาวจากรถข้างหน้าที่วิ่งพุ่งตรงมายังเลนเรา หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็ต้องบอกว่าเลนเขา ก็ในเมื่อพวกเราเบียดกินเลนของเขาอยู่ ใช่ รถบัสสองคันเบียดแข่งกินเลนอย่างไร้สติ เสียงแตรจากรถทั้งสามคันกรีดกระแทกเสียงใส่กันอย่างไม่ลดละ แถมรถคันนี้วิ่งพุ่งตรงมาทางเราด้วยความเร็วระดับมหากาฬ ไม่มีรถคันไหนชะลอความเร็ว รถทุกคันเร่งเครื่องแข่งกันด้วยความเร็วสุดตีนผี และในทันใดนั้น รถทั้งสามคันก็อัดอยู่ข้างกัน ขับแฉลบทับสองเลนและบนไหล่ทางแคบๆ เฉียดต้นไม้สองข้างทาง

ความเคลื่อนไหวเดียวที่สายตาผมพอจะจับได้คือกระเป๋ารถคันของเราดึงตัวของเขากลับเข้ามาในรถซึ่งห่างจากรถอีกคันแค่ไม่กี่มิล ไม่มีเสียงลอดออกมาจากปากผู้โดยสารซึ่งส่วนใหญ่หลับอยู่ตลอดเหตุการณ์ระทึก ในขณะที่อีกส่วนแค่จ้องไปข้างหน้าลุ้นตัวโก่ง

ตั๋วรถบัสที่พอๆ กับราคาตั๋วเครื่องบิน

Read more... อ่านต่อไป...