การเต้นรำ Tango ในบัวโนสไอเรส

เรียน Tango, ฝันร้าย และร้านหนังสือที่สวยที่สุดในโลก

อเมริกาใต้เป็นทวีปที่เจิดจ้า มีสีสรรและชีวิตชีวา และเสียงดนตรีในทุกมุมเมือง และเพียงไม่กี่คนก็สามารถเปลี่ยนการรวมตัวเป็นปาร์ตี้เต้นรำ จากซัลซาเป็นมาเรนเก้ แรมบ้าและแมมโบ้ จนถึงบาชาตาและแทงโก้ ที่นี่เวียนนีสวอลทซ์อย่างเป็นพิธีรีตองนั่นถูกขำใส่แน่ และแทนที่ด้วยสิ่งที่สามารถบรรยายได้แค่ว่าเย้ายวน เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ยักย้ายส่ายสะโพก เคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว หนึ่งในค่ำคืนแรกในโบโกต้า ผมได้ลิ้มรสประสบการณ์ว่าการเต้นรำเป็นส่วนสำคัญที่ยิ่งใหญ่ของวัฒนธรรม และเป็นความตั้งใจของผมที่จะสิ้นสุดการเดินทางไปอเมริกาใต้ด้วยการพยายามที่จะเต้นแทงโก้ เพราะผมเปลี่ยนแปลงส่วนหนึ่งของทัวร์ที่ผมจองไว พรอมการเลียนตั๋วรถ ผมได้รับข้อเสนอให้เข้าเรียนแทงโก้และดินเนอร์พร้อมเต้นรำเป็นการแลกเปลี่ยน และนั่นเป็นเป้าหมายของผมในคืนนั้น ในขณะเดียวกันผมร่วมกับเจ้าบ้านเดินตะลุยชมบัวโนสไอเรสในช่วงเช้า

 

 

 

 

 

 

ฝันร้ายของคนอธรรม

พวกเราเยี่ยมชมตลาดขายของเก่าขนาดใหญ่และเดินดูของเก่าจากหลายทศวรรษและข้าวของที่ไม่จำเป็นต้องเก่าจริงแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและนำมาใช้ใหม่ เราพบร้านอาหารพื้นเมืองที่จะได้เอร็ดอร่อยกับมื้อสายก่อนแยกย้ายไปทำกิจกรรมที่เหลือของวัน – ผมไป the Museo Nacional de Bellas Artes พิพิธภัณฑ์ซึ่งมหัศจรรย์ที่จะเปิดโลกทัศน์และรื่นรมย์กับผลงานศิลปะหลากชิ้น รวมถึงผลงานชิ้นเอกของศิลปินชาวอาร์เจนตินาหนึ่งในภาพเพ้นท์ที่สะดุดตาผมคือ

Nightmare of the Unjust โดยศิลปินชื่อ Antonio Berni เบอร์นี่เปลี่ยนสไตล์ชิ้นงานศิลปะได้หลากหลายแนวจากอิมเพรสชั่นนิสต์ไปเซอร์เรียลและป็อปอาร์ต Read more...

อ่านต่อไป...

ทุกอย่างเกี่ยวกับเท้าในบัวโนสไอเรส

การวิ่งที่ฟลอเรส

ผมเคยไปบัวโนสไอเรสมาก่อนเมื่อ 25 ปีที่แล้วในปี 1992 ครั้งนั้นผมนำทีมผลิตรายการโทรทัศน์เล็กๆ จากไทยและพวกเราสร้างรายการหลายตอนซึ่งมีความยาว 8 นาทีเกี่ยวกับเรื่องราวแปลกประหลาดจากต่างประเทศ พวกเราเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอล เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เพื่อพูดถึงไดโนเสาร์ ไปดูหลุมฝังศพเอวิต้า ร่วมรับประทานอาหารค่ำพร้อมดูโชว์การเต้นรำ ผมตั้งตารอไปสำรวจเมืองอีกครั้งเพื่อจะดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างในตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก แน่นอนว่าการจราจรพัฒนาขึ้นบ้าง และมีตึกสูงๆ ผุดขึ้น แต่โดยรวม เมืองยังคงเดิม ทันสมัย ไม่เก่าและน่าเบื่อ เดินทางมาถึงสถานีกลางรถไฟและรถทัวร์จากเม็นโดซา ผมพยายามหาทางไปอพาร์ทเม้นท์ที่ผมจะเข้าพักอีกสองสามคืน ผมไปสถานีรถไฟใต้ดิน ว่าจะนั่งรถไฟไปแทนการเดินอีก 7 กิโล (การเดินเป็นระยะทาง 7 กิโลนั้นไม่มากอะไรสำหรับผมซึ่งใช้เวลาเพียงชั่วโมงเดียว แต่ผมไม่อยากจะทำเช่นนั้นเมื่อต้องลากกระเป๋าสัมภาระไปด้วย) ตอนแรกผมขึ้นรถผิดทาง แต่ในที่สุดก็กลับมาถูกสถานีจนได้ มันเกือบเที่ยงแล้วตอนผมมาถึงที่พัก ผมกดกริ่ง ประตูเปิดให้เข้าไปยังอพาร์ทเม้นท์เล็กๆที่สะดวกสบาย เต็มไปด้วยหนังสือและนิตยสารซึ่งทั้งหมดเอนเอียงไปทางแนวคิดฝั่งซ้าย ผมได้เข้าสู่โลกของคนที่พูดได้หลายภาษา และมีใจชอบศิลปมีแนวความคิดของความเท่าเทียมของคนตามระบอบคอมมิวนิสต์ และเป็นมัคคุเทศก์ส่วนตัวที่ให้คำแนะนำและความรู้เกี่ยวกับสิ่งสำคัญต่างๆในบัวโนสไอเรสยังยอดเยี่ยม

(ผมสงสัยระดับการอุทิศต่อความเชื่อระบอบคอมมิวนิสต์ของเขาRead more...

อ่านต่อไป...

ไวน์ในอาร์เจนตินาและบาร์บีคิว

รอ…วันหยุดสุดสัปดาห์และไวน์

ผมตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้นกับวิวที่สุดงดงามของทะเลสาบและภูเขาทาบเป็นฉากหลัง อุณหภูมิเย็นสบาย แต่ไม่นานนักแดดก็เริ่มอุ่นขึ้น เสร็จจากอาหารเช้าช่างน่าเสียดายที่ถึงเวลาต้องเคลื่อนย้ายกันอีกครั้ง จากบาริโลช (Bariloche) ถึง เม็นโดซา (Mendoza) และถึงสถานที่ซึ่งผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นอีกหนึ่งในไฮไลท์ของทริป ทัวร์ชิมไวน์มัลเบค (Malbec) ที่ขึ้นชื่อของภูมิภาค การเดินทางด้วยรถโดยสารนั้นยาวนาน และผมดีใจอย่างยิ่งที่ส่วนใหญ่เป็นช่วงกลางคืน

ผมได้เรียนรู้อย่างมากกับการเดินทางระยะยาวด้วยรถทัวร์จากครั้งก่อนๆ และเตรียมตัวอย่างดี พกขนมกินเล่น น้ำดื่ม เสื้ออุ่นๆ และอื่นๆ ที่ผมอาจจำเป็นต้องใช้ระหว่างวันหรือในช่วงกลางคืน โชคดีที่ทริปนี้ราบรื่นด้วยบทสนทนาที่สนุกสนานกับเพื่อนร่วมทาง นักศึกษาอะตอมวิทยาจากสถาบันใน Bariloche เธอยังเป็นนักบัลเล่ต์ฝีมือดี พร้อมความรู้อัดแน่นราวกับสารานุกรมเคลื่อนที่เกี่ยวกับวรรณกรรมซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของยุโรปและอเมริกาใต้ในสองสามศตวรรญก่อน

วันเปลี่ยนเป็นคืน และกลางคืนข้ามมาเช้าอีกวัน ในที่สุดเราก็มาถึงเม็นโดซา (Mendoza) ที่ซึ่งผมต้องใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงในการหาวิธีเดินทางจากใจกลางเมืองไปยังชานเมืองและต่อไปยังบ้านที่ผมจะเข้าพักในสองสามวันข้างหน้า และผมได้เจออีกบทเรียนของการเดินทางด้วยรถโดยสาร ครั้งนี้เป็นรถประจำทาง ผมศึกษาว่ารถคันไหนที่ผมต้องขึ้น และเจอป้ายรถที่ใกล้ที่สุดสำหรับขึ้นรถคันนั้น หรืออย่างน้อยที่ผมคิด ผมมาถึงเพื่อทันแค่เห็นท้ายรถวิ่งออกไป ไม่เป็นไร รอคันใหม่ได้อีกแค่สิบนาที ดังนั้นผมจึงยืนรอ มองผู้คนผ่านไปมารีบเร่งทำอะไรในชีวิตประจำวันของพวกเขา จากระยะไกลผมมองเห็นรถคันใหม่วิ่งเข้ามา มันจอดห่างออกไปประมาณสองสามร้อยเมตร ผมหยิบกระเป๋าเตรียมที่จะขึ้น รถออกจากที่จอดแล้ววิ่งมาทางป้ายที่ผมยืนรอ แต่มันไม่ได้ชะลอและเร่งเครื่องผ่านผมไป ผมโบกมืออย่างลุกลี้ลุกลน คนขับโบกมือส่งสัญญาณให้ผมรอคันต่อไป ผมคิดว่าผมอาจจะดูผิดคัน ผมเลยเดินไปตรงจุดที่รถจอดก่อนหน้านี้แล้วยืนรอคันถัดไปที่จะมาถึงในอีกสิบนาที ผมสามารถมองเห็นมันวิ่งเข้ามา และอีกครั้งพาดกระเป๋าขึ้นหลังเตรียมพร้อมกระโดด แต่รถวิ่งผ่านป้าย Read more...

อ่านต่อไป...

เปลือยกายในอาร์กติก

ที่บ้านของซานตาคลอส ขั้วโลกเหนือ

มันหนาวและมืดตอนที่พวกเรามาถึง ทั้งที่เพิ่งจะบ่ายสามครึ่ง หมู่บ้านซานต้า (Santa’s village) แผ่กว้างอยู่ตรงหน้า แสงไฟระยิบระยับในความมืดช่วงยามบ่ายในขณะที่เกล็ดหิมะส่องประกายสะท้อนแวววาวราวกับเพชรล้านกระรัต อาทิตย์ขึ้นเมื่อเวลาเก้าโมงครึ่งและตกดินราว 3:30 ในช่วงบ่าย ระหว่างเดือนธันวาคมถึงมกราคม ดังนั้นระยะเวลาสั้นๆ ของช่วงวันที่มีแสงนั้นจึงมีค่ายิ่งนัก เราถูกพาไปยังซานต้าออฟฟิศ ที่ซึ่งทุกคนมีอารมณ์ร่าเริงยินดี เราได้รับข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับซานตาคลอส รวมถึงการทัศนาขั้นตอนเบื้องหลังการทำงานเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันสำคัญของปี วันที่ 24 ธันวาคม ที่ทำการไปรษณีย์ขนาดใหญ่คือส่วนสำคัญที่จำเป็นสำหรับหมู่บ้าน เพราะมันเป็นสถานที่รองรับจดหมายเป็นแสนที่มาถึงในทุกๆ ปี และได้รับการตอบด้วยซานต้าและทีมผู้ช่วย

พวกเราทัวร์ที่เวิร์คช็อปและได้ตระหนักว่าหมู่บ้านนี้สำคัญขนาดไหนต่อเศรษฐกิจของภูมิภาค ไม่เพียงแต่จดหมายหลายหมื่นฉบับที่ส่งทะลักเข้ามาไม่ขาดสายในแต่ละปี จำนวนนักท่องเที่ยวที่ปริมาณเยอะพอกันที่เดินทางมาหมู่บ้านซานต้าเพื่อได้เห็นและสัมผัสประสบการณ์และระลึกถึงมนต์วิเศษ ( และบางทีแม้แต่สัมผัสประสบการณ์ช่วงเวลาแห่งการตั้งตาคอยแบบที่เคยมีในวัยเด็ก) ทัวร์เราจบลง และณ ช่วงเวลานั้น ประตูบานยักษ์ได้เปิดออก พวกเราพบกับเสียงหัวเราะอย่างร่าเริงและถูกพาเข้าไปยังออฟฟิศของซานต้า มีกองจดหมายและซอง ทั้งหมดนั้นจากปีก่อน ซึ่งตอนนี้กำลังถูกคัดแยกอย่างระมัดระวังเพื่อเตรียมนำเข้าเก็บ พวกเรายืนกันอยู่ด้านในอยู่ชั่วขณะ และผมสาบานได้ว่าถึงแม้ว่าอายุซึ่งไม่รู้กี่สิบศตวรรษ ซานต้าดูไม่เหมือนชายอายุห้าสิบเลย พวกเราถูกเชิญให้นั่งลง และตลอดครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นพวกเราก็ได้สนทนากับนักบุญนิคเกี่ยวกับงานที่คงความหวังและความฝันของเหล่าเด็กน้อยเป็นหมื่นๆในทั่วโลก เมื่อพวกเราถามถึงความเป็นไปได้ที่จะพบรูดอล์ฟ มีเสียงหัวเราะก้องและตอบว่าพวกเราได้เจอกับรูดอล์ฟแล้วเมื่อวันก่อนเมื่อตอนที่พวกเราไปเล่นเลื่อนหิมะกับเรนเดียร์

รูดอล์ฟเค้าถ่อมตัวเกิน”

ความเห็นที่บอกเมื่อเห็นพวกเราทำสีหน้าแปลกใจ ที่จริงตอนที่เค้าเอ่ยถึงนั้น ผมมองเห็นตัวเป็นๆเมื่อวันก่อนและอดโมโหตัวเองไม่ได้ที่ไม่ได้ให้เพื่อนถ่ายเซลฟีคู่กับเจ้าเรนเดียร์ที่ดังที่สุดในพวกพ้องRead more...

อ่านต่อไป...

แดฟโฟดิลในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิในเทือกเขา Andes

ทะเลสาบ  น้ำตก  การข้ามชายแดน และดอกไม้แดฟโฟดิล

“I wandered lonely as a cloud

That floats on high o’er vales and hills,
When all at once I saw a crowd,
A host, of golden daffodils;
Beside the lake, beneath the trees,
Fluttering and dancing in the breeze.”
 

 

 

 

 

 

 

วันแห่งเหตุผลที่แท้จริงของการเดินทางไปเปอร์โตเวราซมาถึง ผมสนุกสุดๆกับที่นี่สองวันเต็ม แต่ก็ถึงเวลาที่ต้องเดินทางไปยังจุดหมายถัดไป Read more...

อ่านต่อไป...